ปัจจุบันคนไทยใช้กระดาษเฉลี่ยปีละ 3.9 ล้านตัน หรือประมาณ 3,900 ล้านกิโลกรัมต่อปี นั่นหมายความว่าจะต้องสิ้นเปลืองกระดาษไปอย่างมหาศาล แต่หากหน่วยงานภาครัฐกล้าที่จะกระโดดออกมาเป็นผู้นำในการลดใช้กระดาษ ก็น่าจะช่วยให้ธุรกิจปรับตัวเช่นกันเหมือนอย่างตอนเริ่มต้นใช้งานพร้อมเพย์ ที่ช่วงแรกไม่ค่อยมีการใช้งานมากนัก แต่พอเอกชนเริ่มนำไปใช้งาน ก็ทำให้คนไทยลดการพกพาเงินสดมากขึ้น
มั่นใจโมเดลนี้ยังไม่มีคนทำ
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ครีเดน เอเชีย จำกัด เล่าว่า ครีเดน เอเชีย ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2560 เป็นบริษัทในเครือบริษัท ตลาด ดอท คอม จำกัด ซึ่งบริษัทได้รับเงินทุนสนับสนุนจากโครงการดีแทคแอคเซเลเรท และมั่นใจว่าเป็นเจ้าแรกที่เปิดตัวธุรกิจ e-KYC แบบนี้
แนวคิดที่เราปั้นธุรกิจนี้ขึ้นมา เพราะต้องการแก้ไขปัญหากระบวนการการระบุตัวตน (Identification) และพิสูจน์ตัวตน (Verification) โดยมีการพัฒนาระบบเอกสารและลายเซ็นออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพและสามารถใช้งานได้จริง ซึ่งผู้ใช้งานต้องเปิดเผยข้อมูลและผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงในข้อมูลของลูกค้า (Customer Due Diligence: CDD) เพื่อเป็นการยืนยันและป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการโจรกรรม
วิธีการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าระบบที่มักเห็นกันบ่อยมากที่สุด คือ การใช้รหัสผ่าน แต่ก็ยังมีความเสี่ยงสูงที่รหัสผ่านจะถูกโจรกรรม ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้พบมากในอุตสาหกรรมที่มีการทำธุรกรรมการเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ระบบการตรวจสอบข้อมูลลูกค้าในอดีตจนถึงปัจจุบัน จำเป็นต้องใช้เอกสารจำนวนมาก และมีการตรวจสอบที่ยาวนาน ส่งผลให้ระบบการตรวจสอบแบบเดิมไม่ตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจ รวมถึงกลายเป็นต้นทุนที่หลายๆ องค์กรมองว่าไม่ควรมี
ประโยชน์ของการลดใช้กระดาษ
- ลดต้นทุนการทำธุรกิจ
- ลดเวลาในการทำธุรกรรมเอกสาร
- ลดการตัดต้นไม้เพื่อทำกระดาษ
- ลดจำนวนขยะกระดาษ
ทั้งนี้ การยืนยันตัวตนเพื่อการทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ดำเนินการผ่านระบบของครีเดน จะสามารถสร้างเอกสารสำหรับลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ได้ภายในเวลาเพียงแค่ 1 นาที
นอกจากนั้น ยังสามารถส่งและเซ็นแบบออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา และทุกอุปกรณ์ สามารถใช้ร่วมกับระบบยืนยันตัวตนทางออนไลน์หรือ ระบบการยืนยันตัวตนทางออนไลน์ ของบริษัทร่วมกับบริการการประทับรับรองเวลาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Timestamping) จากทาง ETDA เพื่อทำให้การยืนยันตัวตนไม่ยุ่งยากเช่นที่ผ่านมา
สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะสนใจใช้งาน ได้แก่ ผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวกับการเงินต่าง ๆ กลุ่มเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการออนไลน์ กลุ่มธุรกิจ B2B บริษัทหลักทรัพย์ สภาทนายความสำนักงานกฎหมาย และ ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น
ดร.สรณันท์ จิวะสุรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า การเปิดบริการการสร้างเอกสารและลายเซ็นออนไลน์นี้ จะเป็นการเพิ่มช่องทางให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถสร้างเอกสารและลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ได้ง่ายและนำไปใช้งานได้จริง ความเป็นส่วนตัวตั้งแต่ขั้นออกแบบ (Privacy by Design) และ ความมั่นคงปลอดภัยตั้งแต่ขั้นออกแบบ (Security by Design) ซึ่งจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นจากประชาชนผู้ใช้งาน
“การรับรองผ่านอิเล็กทรอนิกส์เป็นการรับรองความมีอยู่ของเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Document) ณ ขณะที่มีการรับรอง สามารถตรวจสอบได้ หากมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลในเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อประโยชน์ต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้รับบริการ ผู้ใช้เอกสาร ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง”
เครื่องมือที่ใช้งานได้
สำหรับระบบยืนยันตัวตน (eKYC) รับรองเอกสารดิจิทัล (Digital Signature) และระบบที่ช่วยในการประเมินลูกค้าออนไลน์ (Credit Scoring)
ที่ครีเดนทำงานได้ มีดังนี้
1. ระบบยืนยันตัวตน (eKYC) อยู่ในมาตรฐานระดับ 2 สามารถทำธุรกรรมได้โดยการใช้ บัตรประชาชนด้านหน้า – หลัง และการทำเฟสแมท (Facematch) เพื่อขอสิทธิ์ (IDP) ในการตรวจสอบความถูกต้องของสิ่งที่ยืนยันตัวตนและสิ่งที่รับรองตัวตนภายใต้เทคโนโลยีบล็อคเชน
จากนั้นระบบจะสร้างเอกสารออนไลน์ โดยการสแกนเอกสาร ในรูปแบบ pdf มีระบบล็อคอิน แดชบอร์ด (Dashboard) บริการจัดการเอกสาร และนำเสนอเซ็น (e-Signature) อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถสร้างลายเซ็น อัพรูป สร้างบล็อก เซ็นเอกสารได้หลายคน รองรับการจัดการติดตามเอกสาร ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 ที่รับรองให้การใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์สามารถใช้ได้จริงตามกฎหมาย
การประทับรับรองเวลาอิเล็กทรอนิกส์ของ ETDA ก็จะสามารถตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงและความครบถ้วนสมบูรณ์ของเอกสารได้
2. ระบบประเมินลูกค้าออนไลน์ ด้วย Credit Line เพื่อสร้างความมั่นใจ ในการตรวจสอบข้อมูล ที่เปิดเผยจากภาครัฐ รวมทั้ง เครดิตบูโร (Credit Bureau) และ ข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย สามารถช่วยในการอนุมัติขอสินเชื่อหรือการทำธุรกรรมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ช่วยในการตัดสินใจ และลดความเสี่ยงในการทำธุรกรรมให้กับองค์กรต่าง ๆ มากขึ้น
ใช้งานฟรี!
ภาวุธ กล่าวว่า บริการนี้จะเปิดให้ใช้บริการฟรี เพื่อกระตุ้นให้คนอยากเข้ามาทดลองใช้งานกันมากขึ้นและอยากให้ใช้งานได้อย่างแพร่หลายมากขึ้น หากเป็นการใช้งานเอกสารที่ไม่เกิน 20 สัญญาขึ้นไปต่อเดือนก็คงเปิดโมเดลฟรีไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเกินกว่านั้น หลัง 28 กุมภาพันธ์ 2019 ก็คงเริ่มคิดเงิน แต่ก็คงไม่ได้แพงมาก เพราะไม่ได้หวังจะสร้างกำไรในเวลาอันสั้น
“นอกจากภาครัฐก็อยากดึงสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีให้มาใช้งาน เพราะธุรกิจเล็กๆ แบบนี้เอกสารยังไม่เยอะในช่วงเริ่มต้น น่าจะเรียนรู้และปรับตัวไม่ยาก”
ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับการลดใช้กระดาษ เพราะการเซ็นเอกสารออนไลน์หรือระบบยืนยันตัวตนออนไลน์แบบนี้ ยังเป็นเรื่องใหม่ในการใช้งานจริง (ไม่นับเซ็นชื่อซื้อของตามห้างสรรพสินค้า) แต่ด้วยฝีมือของผู้ชายที่ชื่อ ภาวุธ ก็น่าจะการันตีได้ว่าจะปั้นบริการนี้ให้เกิดได้จริง