ในปีที่ผ่านมาตลอดจนปี 2564 นี้ ธุรกิจอาหารถือเป็นอุตสาหกรรมที่เผชิญความท้าทายครั้งใหญ่จากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งผู้บริโภคทานอาหารที่ร้านลดลง และความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยที่น้อยลงไปด้วย หลายธุรกิจต้องปรับแผนกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
ล่าสุดซีอาร์จี (CRG) เผยแผนธุรกิจชุดใหญ่ “CRG 2021: TRANSFORM FOR THE FUTURE” ลุย 5 กลยุทธ์หลักตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ลูกค้า ผนึกกำลัง 16 แบรนด์ร้านอาหารในเครือ ตอบโจทย์ลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ รุกธุรกิจเดลิเวอรี่ ผุด Cloud Kitchen พร้อมดันแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ตั้งเป้ารายได้ทะลุ 12,000 ล้านบาท
ณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (Central Restaurants Group Co., Ltd) หรือ “ซีอาร์จี (CRG)” เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมรุกธุรกิจพลิกฟื้นการเติบโตในปี 2564 หลังจากรัฐบาลเดินหน้าแผนกระจายวัคซีนโควิด-19 อย่างทั่วถึงและประเทศไทยมีสัญญาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจชัดเจนมากขึ้น ทั้งในแง่กำลังซื้อและความเชื่อมั่นในการจับจ่ายของผู้คน โดยซีอาร์จีกำหนดยุทธศาสตร์เดินหน้าชุดใหญ่ภายใต้แผน CRG 2021: TRANSFORM FOR THE FUTURE สู่เป้าหมายการเป็นเครือข่ายร้านอาหารที่ก้าวข้ามทุกข้อจำกัด
ชู 5 กลยุทธ์หลัก
ตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลายและครบถ้วนใน 1 มื้อ
อาศัยจุดแข็งด้านเครือข่ายร้านอาหารทั้ง 16 แบรนด์ 1,100 สาขา พนักงาน 10,000 คน และ 800 เมนู รองรับความต้องการลูกค้าทุกกลุ่มอายุ และทุกไลฟ์สไตล์
กลยุทธ์รูปแบบร้านแนวใหม่ Shop in Shop เปิดเคาน์เตอร์ร้านอาริกาโตะร่วมกับร้านมิสเตอร์ โดนัท และกลยุทธ์ Cross Sale ของทุกแบรนด์ในเครือ เช่น นำเมนูจาก บราวน์ คาเฟ่ (Brown Café) ขายในร้านคัตสึยะเพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ ๆ และตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบถ้วนมากขึ้น
พร้อมผนึกกำลังระหว่างแบรนด์เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ อาทิ ไทยเทอเรส และ อร่อยดี นำร่องพัฒนาเมนูอาหารกว่า 10 เมนู ที่ปรุงจากใบกัญชาออร์แกนิก รวมทั้งมีแผนขยายไปยังแบรนด์อื่นๆ ต่อไป
ขยายโมเดลใหม่ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ลูกค้า
มองหาพื้นที่ใหม่ๆ อย่างการเตรียมเปิดตัว Mobile Box Model ในสถานีบริการน้ำมันและมินิคีย์ออส (Mini Kiosk) ต่อจากโมเดีลร้านเดลโก้ (Delco) ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้และขยายสาขาได้คล่องตัว เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในสถานที่และแหล่งชุมชนต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
บริการเดลิเวอรี่และคลาสด์คิทเช่น
วางเป้าหมายขยายจุดบริการเดลิเวอรี่ครอบคลุมให้มากที่สุด ตั้งเป้าเปิดคลาวด์คิทเช่นขยายครบ 15 แห่งภายในปีนี้ และปูพรมทั่วประเทสอย่างน้อย 50 แห่งภายในปี 2566
รุกออนไลน์และเจาะกลยุทธ์ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง
มุ่งโฟกัส Online to Offline เพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านอีคอมเมิร์ซและแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชั้นนำ เช่น JD Celtral, Shopee และ LAZADA
เปิดตัวแบรนด์ใหม่
ในปีนี้ ซีอาร์จีจะมีแบรนด์ร้านอาหารใหม่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2-3 แบรนด์ พร้อมเปิดกว้างความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์รายใหม่ เพราะถือเป็นกลยุทธ์ที่สามารถฝ่าวิกฤตโควิดและประสบความสำเร็จ แบบ win-win ทั้งสองฝ่าย
โดยปีที่ผ่านมา ซีอาร์จี มีพาร์ตเนอร์รายใหม่และประสบความสำเร็จมาก อย่างสลัดแฟคทอรี่ (Salad Factory) สามารถผลักดันยอดขายผ่านช่องทางเดลิเวอรี่ถึง 400% และสำหรับในปีนี้ตั้งเป้าผลักดันยอดขายรวมเติบโต 2 เท่า
มั่นใจเศรษฐกิจปี 64 ตั้งเป้ายอดขาย 1.2 หมื่นล้านบาท
นายณัฐย้ำว่า ช่วงวิกฤตโควิดตลอดปี 2563 ซีอาร์จีมีการปรับแผนงานต่อเนื่องให้ทันกับทุกสถานการณ์และอาศัยความแข็งแกร่งผ่านพ้นปัจจัยลบต่าง ๆ แม้ภาพรวมรายได้ปีที่ผ่านมาไม่เติบโต แต่สามารถดับเบิลเซลผ่านช่องทางใหม่ ๆ และธุรกิจใหม่ ๆ โดยเฉพาะดีลิเวอรี่และออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง อัตราเติบโตสูงมาก
สำหรับปี 2564 บริษัทมั่นใจเศรษฐกิจไทยเริ่มพลิกฟื้นจากการควบคุมการแพร่ระบาดโควิดที่ดีเยี่ยมของทางการ แม้เกิดเหตุแพร่ระลอกใหม่หรือเกิดคลัสเตอร์ใหม่ ๆ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า เริ่มมีการจ้างงานและการท่องเที่ยวน่าจะกลับมาเติบโตได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยซีอาร์จีเตรียมพร้อมทุกด้านและตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนเกือบ 18-20% หรือมากกว่า 12,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ทิศทางการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารจะรุนแรงมากขึ้นและเน้นสมรภูมิดีลิเวอรีกับดิจิตอลออนไลน์ เนื่องจากการแข่งขันไม่ได้จำกัดเฉพาะกลุ่มเชนธุรกิจอาหารรายใหญ่อีกต่อไปแล้ว แต่ยังมีกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่นอกธุรกิจอาหารที่กระโดดเข้ามาเป็นผู้เล่นใหม่ กลุ่มเอสเอ็มอี และกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยที่สนใจทำธุรกิจอาหาร ซึ่งทำให้ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารน่าจะยังมีแนวโน้มเติบโตได้