ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายคือสิ่งสำคัญที่นักการตลาดต้องใส่ใจเป็นอันดับแรก เพราะลูกค้าคือผู้ซื้อ ถือว่าเป็นผู้คุ้มชะตาของธุรกิจ ซึ่งการตลาดบนโลกออนไลน์ นับได้ว่าเป็นแหล่งรวมความต้องการ ที่ถูกปรับเปลี่ยนไปตลอดเวลา วันนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคค้นหา Customer Insight เพื่อนำไปปรับใช้กับธุรกิจ จะได้คิดกลยุทธ์เพื่อตอบสนองความต้องการได้ถูกต้องแม่นยำค่ะ
Keyword
คีย์เวิร์ดที่หมายถึงนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ “คำ” (wording) เแบบที่คิดเท่านั้นนะคะ จริงๆ แล้วคีย์เวิร์ดจะถูกแบ่งออกเป็นพฤติกรรมอีกที สำหรับการเขียนคอนเทนต์บทความ หรือเพื่อนำไปใช้ซื้อโฆษณาประเภท SEO หรือ SEM เช่น คีย์เวิร์คคำว่า เครื่องสำอาง จะถูกแตกออกเป็น เครื่องสำอางกันน้ำ เครื่องสำอางราคาถูก เครื่องสำอางลดราคา เป็นต้น
ซึ่งสิ่งที่มาขยายคำว่า “เครื่องสำอาง” นี้ คือพฤติกรรมความต้องของลูกค้าโดยตรง ซึ่งคุณสามารถค้นหาได้จากเครื่องมือฟรี เช่น Google Search Engiene, Google Trends นอกจากนี้ ยังมีการจัดประเภทว่าคำไหนที่มีการค้นหามากหรือน้อยที่สุดอีกด้วย เพื่อที่นักการตลาดจะได้รู้ถึงความสนใจของกลุ่มลูกค้า ว่าเขานิยมค้นหาอะไรกัน
รีพอร์ตจากทีมเซลล์
เซลล์ หรือ ฝ่ายขาย เรียกได้ว่าคือคนที่ได้พบลูกค้าจริงๆ ได้เห็นถึงความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม เป็นผู้ให้คำแนะนำ และสามารถสอบถามความต้องการของลูกค้าได้ทันที ซึ่งแบรนด์ที่จะมีทีมเซลล์ส่วนใหญ่ จะเป็นทีมสินค้าอุปโภคบริโภคหรือสินค้าที่ขายทั่วประเทศ ทำให้สินค้าเหล่านี้มีทีมเซลล์ที่สามารถเจาะข้อมูลลูกค้าเเต่ละกลุ่มพื้นที่ได้ และเพื่อให้สินค้าของแบรนด์เหล่านี้เข้าถึงลูกค้าได้จริงๆ ในแต่ละเดือนทีมเซลล์จะมีรายงานสรุปข้อมูลการขายในแง่มุมต่างๆ (report)
ทั้งนี้คุณสามารถนำมาวิเคราะห์ต่อได้เลยว่าสินค้าประเภทไหนขายดี ไม่ดียังไงในแต่ละพื้นที่ ควรปรับกลยุทธ์อย่างไร ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม ซึ่งทีมเซลล์จะมีเทคนิคในการสอบถามถึงพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าจากโลกออนไลน์เพิ่มเติม เช่น เจอสินค้าจากที่ไหน ซื้อเพราะอะไร เห็นโปรโมชั่นได้อย่างไร โปรโมชั่นไหนรู้สึกคุ้มค่าที่สุด เป็นการเก็บรีพอร์ตจากการโปรโมทโลกออนไลน์ไปใช้ในช่องทางออฟไลน์อีกทอดหนึ่ง
ทำแบบสอบถามออนไลน์
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนการหาความต้องการเชิงลึกของลูกค้าขั้นพื้นฐานที่นักการตลาดออนไลน์นิยมเลือกใช้งานกัน ซึ่งในแต่ละปีก็จะมีการปรับเปลี่ยนเทคนิคการสอบถามกันไป ส่วนใหญ่จะเป็นการสอบถามของแบรนด์เครื่องสำอางค์ เป็นส่วนมาก เพราะมีคู่แข่งในตลาดเยอะและเป็นสินค้าที่ซื้อขายกันได้เร็วมาก โดยเทคนิคที่ใช้กันบ่อย คือทำแบบสอบถามเพื่อจะได้รับ Mini Gift Set สามารถรับได้ที่หน้าร้านหรือมีการจัดส่งให้ที่บ้าน หรือสมัครสมาชิกฟรี เพื่อรับของที่ระลึก แม้ว่าวิธีแจกของทดลองใช้ฟรี จะเก่าไปแล้ว แต่ใช้ได้ดีเสมอ เกือบทุกประเภทสินค้าเลย
Content
เรามักจะคิดว่าคอนเทนต์สร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า แต่อีกสิ่งที่ซ่อนอยู่ คือคอนเทนต์จะช่วยให้เราเข้าใจกลุ่มลูกค้ามากขึ้น เช่น คอนเทนต์รวมสินค้ามาร์คหน้าจากเกาหลีราคาเริ่มต้นแค่ 29 บาท มองเผินๆ อาจจะคิดว่าเป็นคอนเทนต์โปรโมชั่น แต่จริงๆ ซ่อนการตั้งคำถามมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้าชอบบำรุงผิวด้วยการมาร์คหน้าหรือเปล่า ชอบสูตรไหนมากที่สุด หรือช่วงนี้ลูกค้าชอบบำรุงผิว เน้นกลางวันหรือกลางคืน ราคาที่ลูกค้าสามารถจ่ายได้แค่ 29 บาทหรือมากน้อยกว่านั้นสักเท่าไหร่ เพื่อที่แบรนด์จะนำไปประกอบการตัดสินใจแข่งขันราคาในตลาดว่าทำได้มากหรือน้อยแค่ไหน เห็นมั้ยคะ คอนเทนต์เดียวช่วยตอบคำถามได้หลายสิ่งเลย ดังนั้น การทำคอนเทนต์ที่ดีต้องวิเคราะห์คอนเทนต์ทุกตัวที่ทำมากกว่าดูผลสรุปในแต่ละเดือน
สรุปเทรนด์แต่ละพีเรียด
โดยปกติแล้ว ช่วงต้นปีและกลางปี มักจะมีการสรุปเทรนด์มาให้จากหลายสำนัก เพื่อให้นักการตลาดเข้าใจถึงภาพรวมตลาดมุมกว้าง ว่าตอนนี้แนวโน้มความต้องการส่วนใหญ่ของผู้บริโภคชื่นชอบอะไรกันอยู่ มีความเกี่ยวข้องกันมากแค่ไหน ซึ่งเทรนด์นี้ส่วนใหญ่จะถูกสรุปจากสำนักข่าวต่างชาติ
หรือถ้าเป็นอินไซต์ของคนไทย จะมีสำนักข่าวบางแหล่งที่ติดตั้ง Social Monitoring ไว้ เพื่อทำคอนเทนต์สรุปอีกที สามารถติดตามได้จากหลายเพจ เช่น Rainmaker, การตลาดวันละตอน, Ad Addict เป็นต้น
การหาความต้องการของลูกค้า เป็นสิ่งที่เราต้องวิเคราะห์อยู่เรื่อยๆ เพราะลูกค้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปทุกวัน เรียกว่าเป็นความสนุกที่นักการตลาดต้องเผชิญ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะในปัจจุบันก็มีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลหรือ Social Monitoring ออกไปช่วยให้เราได้เก็บข้อมูลและยังใช้งานได้ฟรีด้วย หากใครมีเครื่องมือเจ๋งๆ บอกกันมาได้เลยนะคะ
Macbook โน๊ตบุ๊คที่ลงตัวทั้งพกพาและการทำงาน คลิกเลย