สำหรับ Session นี้เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่น่าสนใจทีเดียวกับการพัฒนาคอนเทนต์ในอนาคต โดยครั้งนี้ได้รับเกียรติจากคุณตุ้ย ธีรภัทร สัจจกุล Managing Director, SeedMCOT มาถ่ายทอดเรื่องราวและแชร์ประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของคลื่นวิทยุ SEED FM จากโลกออฟไลน์สู่ออนไลน์
มาดูกันเลย !
ในการบริหาร Seed FM ผ่านมากว่า 10 ปี คุณตุ้ยมองเห็น Landscape อะไรบ้างที่เปลี่ยนไปจนถึงตอนนี้ สังคมได้มีการเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นออนไลน์ Seed FM ยังอยู่จุดเดิมหรือมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างครับ
- ผมว่าหลักๆในการทำวิทยุคือการเอาใจผู้ฟัง สิบปีที่แล้วในการเริ่มต้นเนี้ย เอาง่ายๆคือผมเป็นคนชอบฟังเพลง การได้เพลงทุกวันมีความสุขมาก พอได้มาทำวิทยุมีแต่คนเอาเพลงมาให้ ก็รู้สึกว่าได้ฟังเพลงใหม่ๆในทุกๆแนว ก็ต้องบอกว่าจากความรู้สึกว่าเรารักเสียงเพลง ความท้าทายก็คือว่า การที่เราต้องพยายามเข้าไปนั่งอยู่ในใจของคนที่รักเสียงเพลง แล้ววิทยุในยุคนั้นเป็นยุคที่เราต้องตามทั้งรสนิยมและสุนทรียภาพที่เราต้องปรับตามผู้ฟังให้ได้ และปรากฏการณ์นึงที่ทำให้รู้สึกว่า การทำวิทยุมันน่าทึ่งมาก คือการที่เราจะสื่อสารเพลงหนึ่งเพลงที่เราชอบและสามารถทำให้จังหวะหัวใจของคนทั้งประเทศเต้นไปพร้อมๆกันได้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้รู้สึกเป็นเสน่ห์ของวิทยุแต่การทำวิทยุจะมีส่วนที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยกับส่วนที่ต้องเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ส่วนที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือ การแน่ใจว่าสารที่เราส่งไปกระจายไปยังผู้รับสารได้ไม่บกพร่อง นั่นคือสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปทุกวันคือ เทคโนโลยี นั่นคือส่วนของผู้ส่งและผู้รับ สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนคือจากเดิมที่เราใช้การสื่อสารแบบ one way ตอนนี้เราสื่อสารกันแบบ two way อย่างสมบูรณ์แบบ ตอนนี้ Seed FM มี Application ที่เอาไว้ฟังวิทยุผ่านระบบ Streaming สิ่งที่ได้ชัดเจนเลยคือเรื่องของ Data เนื่องจากการ Interaction ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป และในเรื่องของ Tracking ที่ทำให้เราสามารถวิเคราะห์และปรับแผนต่างๆในการนำเสนอ Content ให้ตรงใจผู้ฟังได้
แล้ว Integrated Plan ของวิทยุตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ แล้วคิดว่า Lifecycle ของวิทยุจะสามารถไปได้ไกลแค่ไหนครับ?
-สิ่งที่จะไม่เปลี่ยนเลย คือตราบใดที่คนยังรักเสียงเพลง ตราบใดที่เสียงเพลงทำให้คนมีความสุข เราเชื่อว่าคำว่า วิทยุ ในนิยามนั้นยังไงก็ไม่เปลี่ยน เรามีหน้าที่ส่งสารไปยังผู้ฟังด้วยวิธีไหนก็ตามยังสามารถไปได้ อยู่ที่มุมของเราจะปรับตัวให้ตามพฤติกรรมของคนช้าเร็วแค่ไหน ณ วันนี้ถ้ามอง LifeCycle ที่จะเปลี่ยนไปหาผู้ฟังเพลง พี่คิดว่าคงจะไม่พ้นโทรศัพท์มือถือ , Music Streaming
มีแนวทางที่จะขยายเทคโนโลยีเอาใจคนรักเสียงเพลงไปทิศทางไหนบ้างไหมครับ และคิดว่าในอนาคตวิทยุจะถูก Transform ไปในรูปแบบไหนครับ
-3-4 ปีที่แล้วเรา Re-Positioning ว่าจะไม่เป็นเพียงแค่ Radio Network แต่เป็น Seed Music Community จะเห็นว่าเราจะไม่ได้มองตัวเองว่าเป็นเพียงคลื่นวิทยุ ดังนั้นก็จะมีการสื่อสารที่เปลี่ยนไป หรือจะเป็นการสร้างกิจกรรม คอนเทนต์ต่างๆให้ผู้ฟังได้มีส่วนร่วมตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ เว็บไซต์หรืออะไรก็ตามเราสร้างให้เป็น Community หมด
เมื่อวิทยุมีคนฟังน้อยลง มีวิธีอย่างไรในการเปลี่ยนแปลงหรือขยาย Lifecycle ออกไป ที่จะทำให้ผู้ส่งสารกับผู้รับสารยังคงสนุกและมีส่วนร่วมกับดนตรีครับ
-เราคงเริ่มจากกลับมาดูกันก่อนว่า Personal ของ Seed FM เป็นอย่างไร คือความสด ความใหม่ ความซ่า ความมัน ความฮา แล้วจึงสร้าง Content Campaign ขึ้นมา พยายามที่จะหา Content ซึ่งสอดรับกับตัวผู้ฟังหรือ User ถ้าในส่วนลึกของ Content เราคือ Comunity ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเพลงและศิลปิน ซึ่งเราคงไปเปลี่ยนอะไรไม่ได้ สิ่งที่จะทำได้ก็คงจะเป็นในส่วนของการร้อยเรียง Playlist เพลง กิจกรรม Mood&Tone ที่เป็นบริบททั้งหมดเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมมากที่สุด
ในปัจจุบัน Seed FM คงจะเป็น การทำ Playlist ซึ่งในขณะที่ Music Streaming เจ้าต่างๆก็ขายเป็น Playlist แล้วบริบทของ Seed FM เปลี่ยนไปมั้ยหรือว่าคนยังคงชอบ Playlist ที่ DJ เราเป็นคนจัด
-ผมคิดว่าคงแบ่งผู้ฟังได้เป็นสองส่วน มีส่วนที่มีความ Sensitive ในการปรับตัวกับ Content ใหม่ๆ มีพฤติกรรมที่เป็น Trendsetter มีกำลังซื้อคือมีกำลังในการปรับตัวสูง ส่วนที่สองคือเป็นกลุ่มผู้ฟังที่รับรู้และพร้อมจะเป็น Follower แต่จะช้าหรือเร็วก็แล้วแต่สถานการณ์นั้นๆในส่วนการปรับตัวเราก็ต้องทำให้มันครอบคลุมทุกกลุ่ม ผู้ที่ทำ Content คงจะต้อง ใช้ Research ต่างๆ นำ Data ของเรามา ดูว่าเราจะ Serve คนกลุ่มใหญ่จะต้องทำยังไงหรือจะ Serve กลุ่มที่เป้น Trendsetter กันยังไง
ทาง Seed FM เคยนำ Data มาวิเคราะห์แล้วเอาไปลง Action Plan ใน Marketing Plan มั้ยครับ
-เราจำเป็นต้องทำตลอดเวลาครับเพราะว่า Data เหล่านี้มีความเป็นพลวัตสูงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
มีคำถามอยู่อันนึงครับจาก Facebook ถามว่า “ ในหนังสือเรื่อง Our Iceberg Is Melting มันเป็นเรื่องราวของ นกเพนกวินที่ยู่รวมกันบนภูเขาน้ำแข็งเพนกวินเหล่านี้รู้ว่าภูเขาน้ำแข็งกำลังจะละลาย เพนกวินบางตัวพยายามจะชี้ว่าเราต้องหาที่อยู่ใหม่แล้วไม่สามารถที่จะอยู่ต่อได้แต่ก็มีหลายๆตัวต้านการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ในการที่จะหาที่ใหม่” ในแง่ของธุรกิจสื่อมันคล้ายกับ ภูเขาน้ำแข็งนี้มั้ยครับ
-ต้องถามว่าคนที่ไม่อยากเปลี่ยนแปลงเนี่ยเป็นเพราะอะไร ผมคิดว่าคนที่อยากเปลี่ยนแปลงหรือไม่เปลี่ยนแปลงเนี่ยมีอยู่สองเหตุผล
เหตุผลที่หนึ่ง : คงจะเป็น ทัศนคติ หรือ พฤติกรรม ซึ่งตัวแปรก็มาจากข้อมูลที่เขาได้รับหรือข้อมูลที่อยากจะรับรู้
เหตุผลที่สอง : คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ซึ่งเป็น Ego System กันอยู่ ว่าถ้าเปลี่ยนแล้วเนี่ยจะเกิดผลกระทบกับธุรกิจถ้าพูดถึงอุตสาหกรรมทั้งหมดคงหนีเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจไม่ได้ การที่ธุรกิจจะเปลี่ยนหรือไม่ผมเชื่อว่ามันไม่เกี่ยวกับรสนิยมหรือการรับรู้ ผมเชื่อว่ามันเป็นเรื่องของธุรกิจ
ในส่วนของเราเนี่ย ภูเขาน้ำแข็ง ต่อไป ณ ตอนนี้คงปฎิเสธไม่ได้ว่าโทรศัพท์มือถือเป็นตัวแปรสำคัญ การแข่งขัน ระหว่างระบบปฎิบัติการ IOS กับ Android หรือ ระหว่าง Operater ผู้เล่นจะปรับตัวตามอย่างไร แล้วเราจะตอบโจทย์อย่างไร
คิดว่าจะเน้น Content ประเภทอะไร ในยุคที่ Platform โทรศัพท์มือถือต่างๆ มาในทางเดียวกัน ในตอนนี้ จะยังคง ดนตรีอยู่มั้ย หรือว่า Seed FM จะก้าวข้ามไปสู่ Platform อื่น
-Seed FM เราเริ่มจากเสียงเพลง Seed Music Community ในส่วนของ Content อื่นๆ ที่จะเพิ่มเข้ามาคงจะเป็นในรูปแบบของวิดีโอ ซึ่งจริง ๆ แล้วเราทำมาอย่างต่อเนื่องนานแล้วในเรื่องของการ Streaming Live Show การแสดงสด ในช่วงแรก ๆ ยังมีตัวเลขที่ยังไม่เยอะมาก การเข้าถึงของสัญญานหรือครอบคลุมยังไม่เสถียรพอ แต่ต้องยอมรับว่ามีการเติบโตอย่างน่าตกใจซึ่งอาจมาจากความพร้อมความเสถียรของอินเตอร์เนตขึ้นมา ทำให้การผลิต Content มีความเสถียรมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Live Concert ตอนนี้เรากำลังคิดในส่วนของ Short Game Show ทำยังไงก็ได้ให้เกิดความมีส่วนร่วมจาก User มากที่สุด
มีคำถามฝากมานะครับว่า “อยากรู้มานานแล้วว่าเหล่าแฟนๆดีเจ (ภาษาเนตเรียกติ่ง) มีวิทยาการจากออฟไลน์สู่ออนไลน์ในรูปแบบไหนน่ากลัวขึ้นมั้ยหรือใกล้ชิดน้อยลงรึเปล่าและ DJ ปรับตัวกันอย่างไร”
– ในยุคก่อนที่การสื่อสารยังไม่สะดวกเท่าปัจจุบันอย่างมากก้คือรับสายแค่หน้าไมค์หรือหลังไมค์พอผ่านมายุคนึงก็เป็น SMS ในยุคนี้คงจะต้องปรับตัวในการตอบรับที่รวดเร็วมากขึ้น Real Time มากขึ้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือความใกล้ชิด ความรู้สึกผูกพัน สามารถที่จะติดตามคลายความเหงา ผู้ที่อยากจะมา Interract กับ DJ เราจึงจะต้องจัดเพิ่มเป็นสองส่วน คือในส่วนของ หน้าไมค์ กับในส่วนของ Live Feed
ซึ่งในส่วนของ Live Feed นั้นแทบจะไม่ต่างจากการถ่ายทอดสด แต่ความเนียนในส่วนของ Production อาจจะไม่มาก เพราะเอาจริงๆแล้วเราต้องการให้ Feel มีความดิบ ความใกล้ชิด ความเป็นกันเอง นอกเสียจากว่าเป็น Live Feed ที่เราต้องการให้เป็น Production ซึ่งทั้งหมดก็จะเป็น Real Time นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งต่างหาก
ในฐานะที่คุณตุ้ยเป็นผู้บริหารคลื่นวิทยุซึ่งอยู่ในยุคออนไลน์ คิดว่า DJ ยังคงมีความเป็น Thought Leader Ship เหมืนเดิมหรือไม่อย่างไร
-ผมขอแยกย่อยเป็นกลุ่มและช่วงอายุ คือถ้าเป็นแนว Talk หรือในกลุ่มคนทำงานที่โตมาหน่อย ผมคิดว่า DJ ยังมีแนวโน้มที่มีอิทธิพลสูง ในส่วนของ Seed FM เนี่ยเราต้องมีหน้าที่เป็นผู้รับฟัง คือรับฟังความต้องการของผู้ฟังเรา เราจะสามารถทำตามสิ่งที่ผู้ฟังต้องการ ซึ่งเป็นเครื่องมืที่ดีที่เราจะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลตรงนั้นได้อย่างดี
อยากให้คุณตุ้ยฝากสำหรับการพัฒนา Content ในอนาคต
-ผมเชื่อว่า มนุษย์ยังคงรับ ในส่วนของ Soul ได้อยู่ ผมจึงยากให้ศิลปินหรือผู้ผลิตงานใส่ใจในการผลิตงานต่อไป ในส่วนของการพัฒนา Content ก็คงต้องทำให้ User หรือ Viewer มีส่วนร่วมมากที่สุด ขอให้มัน สั้น กระชับ ถึงอารมณ์ ไม่ยืดเยื้อ เพราะว่าเมื่อมีทางเลือกมากขึ้น โอกาสที่จะถูก Switch ก้มีมากขึ้น
หวังว่าจะได้มุมมองความรู้จากคุณตุ้ยไปปรับใช้ในการพัฒนาคอนเทนต์ของธุรกิจคุณไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม Thumbsup เห็นด้วยกับคุณตุ้ยที่ว่า “ตราบใดที่ Content ยังคงสร้าง “ความสุข” ได้ผู้ผลิตก็ยังคงทำงานต่อไปได้” คุณตุ้ย ธีรภัทร สัจจกุล Thiraphat Satjakul, Managing Director, SeedMCOT ลุยต่อไปนะครับ!