ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลครึ่งปีแรกของปี 2021 พบว่า ช่องทางออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น Facebook Youtube TikTok Google LINE และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ต่างก็เป็นโอกาสและช่องทางการจำหน่ายใหม่ แต่แบรนด์ก็เริ่มแข่งขันกันสร้างโอกาสมากขึ้น ไม่ใช่แค่ซื้อโฆษณา แต่พยายามจะผสมผสานกับช่องทางการขายเดิมที่ตนเองมีอยู่
Daat Day 2021 Winning Grow Together เผยผลสำรวจมูลค่าเม็ดเงินลงทุนผ่านสื่อดิจิทัลครึ่งปีแกรของปี 2021 และแนวโน้มการลงทุนเม็ดเงินในครึ่งปีหลัง จาก 12 เอเจนซี่ 57 ประเภทอุตสาหกรรมและ 14 ประเภทสื่อดิจิทัล
เงินสะพัดออนไลน์เพิ่ม 11%
ครึ่งปีแรกของ 2021 มีการลงทุนเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัล 11,732 ล้านบาท และคาดว่าครึ่งปีหลังจะมีการลงทุนเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลถึง 11,583 ล้านบาท ทำให้ยอดรวมทั้งปีจะทำได้ประมาณ 23,315 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 11% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่เติบโตเพียง 8%
สำหรับอุตสาหกรรมที่มีเม็ดเงินลงทุนบนสื่อดิจิทัลมากที่สุดยังคงเป็น อุตสาหกรรมยานยนต์ 2,775 ล้านบาท ตามด้วยกลุ่มเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ 2,671ล้านบาท ที่มีการจับจ่ายมากขึ้นจากการล็อกดาวน์ และคนตุนสิ่งของไว้เพื่ออยู่ที่บ้านมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากลุ่มเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ จะมีการลงทุนบนสื่อดิจิทัลมากขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้ แต่ในอนาคตก็ยังคงมีแนวโน้มว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ จะกลับมาเรียกตำแหน่งคืน เพราะปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ยังไม่ได้ใช้เม็ดเงินเต็มที่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง หากสถานการณ์ดีขึ้น คาดว่ากลุ่มนี้จะมีการกลับมาเพิ่มยอดการใช้จ่ายดิจิทัลสูงกว่านี้
ตามมาเป็นกลุ่มสกินแคร์ 2,282 ล้านบาท ที่ทุกแบรนด์หันมาใช้สื่อดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซเพิ่มโอกาสทางการขายมากขึ้น รวมทั้งกลุ่มรีเทลเองก็มีการลงทุนช่องทางออนไลน์ อย่างการแชท หรืออาฟเตอร์เซลล์เซอร์วิสเพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้า ตามมาด้วย กลุ่มการสื่อสาร 2,199 ล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์จากนม 1,897 ล้านบาท
โซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มเป็นที่นิยมเสมอ
เฟซบุ๊กและยูทูปยังคงเป็นช่องทางการใช้จ่ายสูงสุด โดยเฟซบุ๊ก (Facebook) มีเม็ดเงินสะพัด อยู่ที่ 7,424 ล้านบาท คิดเป็น 32% ตามด้วยยูทูบ (YouTube) มีเม็ดเงินสะพัด อยู่ที่ 4,256 ล้านบาท คิดเป็น 18%
เหตุผลที่เฟซบุ๊กยังเติบโตเพราะนักการตลาดมองว่าตอบสนองการขายได้ครบทุกความต้องการตั้งแต่การสร้าง Awareness โดยสามารใช้เฟิร์สดาต้าของลูกค้ามาใช้ในการเพิ่มโอกาสทางการขาย หรือถ้าเป็นลูกค้าใหม่ก็เพิ่มโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ รวมทั้งยังมีเรื่องคอนเวอร์ชั่นที่ดี ข้อมูลที่ได้จากเฟซบุ๊กให้ความเชื่อมั่นต่อนักโฆษณาได้
ถ้านักการตลาดต้องการลดเม็ดเงินโฆษณาและเพิ่มโอกาสทางการขายมากขึ้น เฟซบุ๊กจึงเป็นทางเลือกที่ดีและมีการทำงานที่เพิ่มโอกาสทางการขายไปที่อีคอมเมิร์ซต่างๆ ได้ และแทร็กกิ้งได้ ถือว่าเป็นมีเดียโซลูชั่นที่โดนใจนักการตลาด
แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่า Youtube มีการใช้จ่ายน้อยลง 7% มูลค่าอยู่ที่ 4,256 ล้านบาทและกระจายเม็ดเงินไปยังแพลตฟอร์มวีดีโอรูปแบบอื่นๆ มากขึ้น อย่างเช่นบริการสตรีมมิ่ง ตามมาด้วยโซเชียล 2,113 ล้านบาท ช่องทางครีเอทีฟ 2,074 ล้านบาท ส่วนเสริชยังมีการเติบโตที่ 1,666 ล้านบาท
ด้วยการเติบโตของอีคอมเมิร์ซทำให้ Affiliate Marketing ก็กลายมาเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่คนบนโซเชียลพร้อมจะทำร่วมกับแบรนด์มากขึ้น
TikTok ปีที่แล้วโต 302% จากผู้เล่น อินฟลูเอนเซอร์ และทำให้นักการตลาดสนใจเข้ามาใช้งานมากขึ้น
นอกจากนี้ การใช้ชีวิตที่บ้านหรือ work from home ส่งผลให้บ้านกลายเป็นสถานที่ในการทำกิจกรรมต่างๆ และคนจะปรับเปลี่ยนบ้านให้เป็นศูนย์กลางในการทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น
- 55% ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่มที่บ้านบ้าง
- 44% ใช้บริการ Food Delivery มากินที่บ้าน
- 39% ใช้ E-commerce เป็นช่องทางการชอปปิง
- 39% ออกกำลังกายที่บ้าน
- 25% ใช้เวลากับคนในบ้านมากขึ้น
- 22% Working from home
ดังนั้น แบรนด์จึงควรสร้างสรรค์คอนเทนต์หรือผสมผสานสินค้าให้เข้ากับพฤติกรรมของลูกค้ามากขึ้น อย่างไรก็ตามการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมในการใช้ข้อมูล การปรับตัวเข้ากับสถานการณ์และการลงทุนเก็บข้อมูลของแบรนด์ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน
สำหรับนักการตลาดที่ต้องการดาวน์โหลดสไลด์บางส่วนได้ ส่วนใครสนใจรายละเอียดเชิงลึก สามารถซื้อ Full Report ได้