Site icon Thumbsup

เปิดประสบการณ์ “Dan Inamoto” ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งวงการดิจิตอลเอเจนซี่

20160829_101440

ในการตอกย้ำแบรนด์ ๆ หนึ่งให้เป็นที่รู้จัก และลงลึกถึงในหัวใจของผู้บริโภคในปัจจุบัน  อาจจำเป็นต้องอาศัยการถ่ายทอดด้วยวิธีการแบบใหม่ที่ผนวกเทคโนโลยีอันทันสมัย รวมถึงการใช้เครือข่ายสารสนเทศ – แอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ทั้งของฝั่งธุรกิจ และฝั่งผู้บริโภคลงไปด้วยจึงจะสำเร็จ ซึ่งการรับหน้าที่ตัวกลางในการสื่อสารแบรนด์ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวจนเกิดอิมแพคในวงกว้างได้ทำให้ชื่อของ AKQA โดดเด่นขึ้นมาในแวดวงดิจิตอลเอเจนซี่ในปัจจุบันอย่างปฏิเสธไม่ได้

Dan Inamoto ผู้อำนวยการด้านบิสซิเนสของบริษัท AKQA ประเทศญี่ปุ่นในฐานะสปีกเกอร์คนสำคัญของเวที DAAT Day 2016 งานสัมมนาซึ่งรวมพลคนมีฝีมือในแวดวงดิจิตอลเอเจนซี่ ได้เผยถึงหัวใจสำคัญในการสื่อสารแบรนด์ของAKQA เอาไว้ว่า ต้องเริ่มจากไม่จำกัดคำนิยามตนเอง

โดยเขาระบุว่า AKQA ไม่นิยามตนเองว่าเป็นบริษัทดิจิตอลเอเจนซี่ หากแต่เป็นบริษัทผู้นำเสนอไอเดียและนวัตกรรม  ผลงานที่ผ่านมาจึงมีทั้งการสร้างสนามบาสเก็ตบอลแบบเวอร์ชวลเพื่อให้เด็กยุคมิลเลนเนียมได้สัมผัสประสบการณ์ของไมเคิล จอร์แดนเช่นเดียวกับคนในรุ่นพ่อแม่, การสร้างระบบอีคอมเมิร์ซที่ไม่เหมือนใครให้กับแบรนด์แฟชั่นชื่อดัง, หรือการสร้างประสบการณ์ในการขี่รถ Harley-Davidson ที่แปลกใหม่ ไปจนถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับช่วยโค้ชนักกีฬาได้แบบรายบุคคล

ในการนี้เขาได้แบ่งปันหัวใจสำคัญสามประการ อันประกอบด้วย

1. Audiennce Insight (ความเข้าใจในความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย)

2. Authentic Communication (การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ)

3. Personalization หรือการเข้าถึงผู้บริโภคได้แบบรายบุคคล ผ่านกรณีศึกษา 4 ตัวที่เป็นผลงานของ AKQA ได้แก่ The Last Shot – Nike, Go Live, Go Ride – Harley Davidson, La Maison des Carres – Hermes และ Nike Rise 2.0

โดยแนวคิดของผลงานชิ้นแรกของ AKQAที่นำมาเสนอบนเวที DAAT Day 2016อย่าง The Last Shot (Nike)  นั้นเป็นชื่อได้รู้จักกันดีในผู้บริโภคยุคเจเนอเรชั่น X หรือแม้กระทั่งเบบี้บูมกับความโด่งดังของไมเคิล จอร์แดน นักบาสเก็ตบอล NBA ที่เปรียบได้กับที่พึ่งของทีม โดยเขาสามารถเอาชนะความกดดันในเกมนัดสำคัญและทำคะแนนให้ทีมจนคว้าชัยชนะมาได้ ซึ่งความสำเร็จเช่นนี้ เด็ก ๆ ยุคมิลเลนเนียมไม่เข้าใจ และไม่สามารถสัมผัสได้เลย

Nike และAKQA จึงสร้างสนามบาสเก็ตบอลเสมือนจริงขึ้นมา และให้เด็ก ๆ มิลเลนเนียมได้เข้าไปอยู่ในบรรยากาศเดียวกับที่ไมเคิล จอร์แดนต้องเผชิญเมื่อปี 1998 เพื่อให้พวกเขาได้สัมผัสถึงประสบการณ์เสมือนจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างภายในสนาม และได้ใส่รองเท้า (แน่นอนว่าเป็นของ Nike) แบบที่จอร์แดนเคยใส่ เด็ก ๆ จะได้สัมผัสทั้งวินาทีที่ตนเองชู้ตบอลลงแป้น และบรรยากาศของผู้คนบนอัฒจรรย์ที่ลุกขึ้นโห่ร้องด้วยความยินดี ฯลฯ แต่กิจกรรมยังไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะ AKQA ยังบันทึกคลิปการเล่นบาสเก็ตบอลของผู้เล่นแต่ละราย ความยาว 15 วินาทีเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้นำไปแชร์ต่อบนโซเชียลมีเดียของตนเองด้วย

แคมเปญ Go Live, Go Ride ของ Harley-Davidson Japan

ส่วนแคมเปญ “Go Live, Go Ride” ของ Harley-Davidson Japanนั้นก็ไม่ธรรมดา โดย AKQA ได้เลือกการนำเสนอที่แสดงให้เห็นว่า ชีวิตของคน ๆ หนึ่งจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างเมื่อได้ขับขี่รถ Harley-Davidsonในการจัดแคมเปญครั้งนั้น เขาได้ให้ผู้ร่วมกิจกรรมเทสต์ไดรฟ์รับของสำคัญ 3 อย่าง นั่นก็คือ การเลือกรถ Harley-Davidson รุ่นที่ต้องการ 1 ใน 7 รุ่นล่าสุด ซึ่งจะมาพร้อมกล่องไม้สวยงามสกรีนชื่อแคมเปญ Go Live, Go Ride ซึ่งภายในบรรจุเสื้อหนังอย่างดี, ถุงมือ, หมวกกันน็อค รวมถึงกล้อง GoPro สำหรับบันทึกภาพขณะขับขี่ โดยผู้บริโภคสามารถนำรถไปขี่ได้ดังใจเป็นเวลา 1 วัน

วิธีนี้ทำให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์การทดลองขี่รถ Harley – Davidson ได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งสร้างประสบการณ์ได้ดีกว่าการทดลองขับระยะสั้น ๆ แบบที่เคยเป็นมา

กรณีศึกษาที่ 3 เป็นเคสของ Hermes แบรนด์แฟชันสุดหรูที่ต้องการสร้างร้านค้าออนไลน์ “ที่ไม่เหมือนใคร” ให้กับสินค้าประเภทผ้าพันคอไหมของบริษัท ซึ่งในจุดนี้ กลุ่มเป้าหมายของ Hermes คือผู้บริโภคที่ต้องการสัมผัสทุกรายละเอียดของผ้าพันคอก่อนตัดสินใจซื้อ AKQA จึงได้พัฒนาร้านค้าให้กับ Hermes โดยสร้างรายละเอียดให้กับเว็บไซต์ได้อย่างสวยงามสมเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ รวมถึงการทำให้ผ้าไหมตัวอย่างที่มองเห็นได้ทุกรายละเอียดด้วย

สุดท้าย กับแคมเปญ Nike Rise ซีรีย์การแข่งขันของผู้รักในการเล่นกีฬาบาสเก็ตบอลในฟิลิปปินส์ที่มีผู้ชมสูงสุดติด 1 ใน 5 ประจำปี 2015 เลยทีเดียว โดยกลุ่มเป้าหมายของ Nike นั้นเล็งไปที่กลุ่มเด็กที่มีความฝัน และต้องการคนนำทางไปสู่จุดหมาย AKQA ได้ทำการสร้างสนามบาสเก็ตบอลของจริงขึ้นมาโดยใช้จอ LED เป็นพื้นสนาม สนามไฮเทคดังกล่าวนี้จะถูกใช้ในการฝึกทักษะให้กับเด็ก ๆ ที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 24 ชีวิต โดยทุกคนจะได้รับการฝึกสอนจากโค้ชบาสเก็ตบอลชื่อดัง รวมถึงแมนนี่ ปาเกียว นักมวยชาวฟิลิปปินส์ที่ปัจจุบันผันตัวไปเป็นนักการเมืองด้วย เรียกได้ว่าเป็นอะคาเดมี่ฝึกสอนย่อย ๆ กันเลยทีเดียว ภายในนั้นมีการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้งาน ทำให้สามารถวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของนักกีฬาได้แบบรายบุคคล รวมถึงการฝึกสอนที่ทันสมัย เช่น มีการปรากฏเส้นทางการวิ่งทำคะแนนแบบใหม่ ๆ ให้นักกีฬาได้ทดลองฝึกกัน

ซีรีย์ดังกล่าวจะมีการคัดออกไปเรื่อย ๆ จนได้ตัว 12 คนสุดท้าย และเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งมีคนเข้าชมในสนามสูงถึง 10,000 คน อีกทั้งยังมีการเจาะชีวิตของตัวแทนที่ได้รับคัดเลือกแต่ละคน ซึ่งทำให้เด็ก ๆ เหล่านี้ได้สัมผัสประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่และเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ คนอื่นในฟิลิปปินส์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งแคมเปญ Nike Rise ในฟิลิปปินส์นี้ได้สร้างชื่อให้กับ AKQA และ Nike อย่างสูงเลยทีเดียว

จะเห็นได้ว่า นวัตกรรมและไอเดียคือสิ่งที่ถูกผสมลงในการนำเสนอแบรนด์ของ AKQA ได้อย่างลงตัว หรือบางครั้งก็ทำได้เหนือความคาดหมาย กลายเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจ ทั้งในแง่ของธุรกิจและการสร้างแรงบันดาลใจแก่คนรุ่นใหม่ ซึ่งการนำเสนอของ Dan Inamoto จากทั้ง 4 เคสตัวอย่างนี้ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของดิจิตอลมีเดียอย่างที่ใคร ๆ ก็ต้องยกนิ้วให้จริง ๆ