แผนกลยุทธ์ในการทำตลาดปี 2020 มี LinkedIn อยู่ในนั้นไหมคะ แม้ว่า LinkedIn จะไม่ได้เป็นแพลตฟอร์มที่แมสหรือเข้าถึงคนทุกกลุ่ม แต่ก็ต้องยอมรับว่าคอนเทนต์บน LinkedIn นั้น เป็นเชิงคุณภาพและมีค่าสำหรับการทำงานของนักการตลาดอย่างมาก ดังนั้น หากคุณยังมองข้ามแพลตฟอร์มนี้ละก็ ต้องบอกว่าคุณกำลังพลาดขุมคอนเทนต์ชั้นดีไปนะคะ thumbsup ได้รวบรวมสิ่งที่ต้องรู้บนแพลตฟอร์ม LinkedIn ในปี 2020 จาก influencer marketing hub ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียวค่ะ
สถิติการใช้งาน LinkedIn
LinkedIn มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 660 ล้านคน ของผู้ใช้งานกว่า 200 ประเทศทั่วโลก และผู้ใช้งานแพลตฟอร์มดังกล่าวยังเป็นพนักงานขององค์กรชั้นนำระดับประเทศ และยังมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2. ผู้ใช้งานส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป
ในจำนวนสมาชิกผู้ใช้งาน LinkedIn กว่า 660 ล้านคน แบ่งเป็น 206 ล้านคนในยุโรป 167 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา ส่วนที่เหลืออีก 287 ล้านคนจะกระจายอยู่ในประเทศอื่นๆ ซึ่ง LinkdIn จะมีให้บริการกว่า 24 ภาษาทั่วโลก
3. การเข้าใช้งาน LinkedIn
LinkedIn มีการเข้าใช้งานสูงสุดถึง 32.01% ในสหรัฐอเมริกา ตามมาด้วย สหราชอาณาจักร อยู่ที่ 7.22% และอีก 5.58% เป็นอินเดีย
4. กลุ่มผู้เข้าชม
จำนวนผู้เข้าชมสูงสุดคือ อเมริกันซามัว 98% เบอร์มิวด้า 95% และ ไอซ์แลนด์ 89%
5. LinkedIn ช่วยสร้างอาชีพ
เมื่อคุณเข้าใช้งาน LinkedIn ย่อมมีโอกาสรู้จักคนใหม่ๆ โดยเฉลี่ย 400 คนต่อนาที และมีโอกาสเข้าถึงบริษัทใหม่ๆ กว่า 100 แห่งที่กำลังหาพนักงาน ทำให้เข้าถึงตำแหน่งงานกว่า 500 ประเภทงานเลยทีเดียว
6. ผู้ใช้งาน LinkedIn ส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มวัยทำงาน
แบรนด์ของคุณจะมีโอกาสมากขึ้นหากสามารถเข้าถึงและเชื่อมต่อกับแบรนด์ที่มีลำดับอยู่บน LinkedIn ที่เรียกว่ามีคนทำงานกว่า 600 ล้านคนเตรียมรออ่านคอนเทนต์ของคุณและหากพวกเขาสนใจแน่นอนว่าโอกาสทางการขายก็มหาศาลมากเช่นกัน
7. นักการตลาดจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพศชายได้มากกว่า
หากนักการตลาดวางแผนจะเจาะกลุ่มลูกค้าวัยทำงานที่เป็นเพศชาย มีโอกาสเข้าถึงผู้ชมโฆษณาที่เป็นผู้ชายได้ถึง 56% และผู้หญิง 44%
8. LinkedIn สามารถเข้าถึงคนมีอำนาจตัดสินใจได้ดี
ในปี 2019 LinkedIn มีผู้ใช้งานที่เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลได้มากถึง 90 ล้านคนและเป็นผู้นำทางความคิดอยู่ที่ 17 ล้านคน แน่นอนว่าเป็นโอกาสของคุณในการกำหนดเป้าหมายกลุ่มพรีเมียมได้ดีขึ้น
9. LinkedIn แสดงเนื้อหากว่า 9,000 ล้านเรื่อง
ผู้ใช้งาน LinkedIn สามารถค้นหาและแบ่งปันเนื้อหากับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอื่นๆ ติดตามข้อมูลของแต่ละอุตสาหกรรม และเปิดรับคำแนะนำใหม่ๆ จากผู้เช่ียวชาญเกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกได้ด้วย
11. LinkedIn เป็นมากกว่าเว็บไซต์หางานและค้นหาชื่อเพื่อน
แม้ว่าเนื้อหาการสมัครงานจะช่วยสร้างโอกาสในตำแหน่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้น 15 เท่า แต่ก็ยังช่วยเสริมความเป็นมืออาชีพได้ดีขึ้น หากคุณแชร์ข้อมูลที่ดูฉลาดและสร้างประโยชน์ให้กับเพื่อนในแวดวง รวมทั้งดึงดูดโอกาสใหม่ๆ ให้เข้ามาหาคุณง่ายขึ้น ยกตัวอย่าง ฝ่ายขายที่สามารถสร้างโอกาสเพิ่มยอดขายจากการแชร์บทความที่ดีได้มากถึง 45%
12. LinkedIn เป็นโซเชียลที่เน้นธุรกิจ
อย่างที่ทราบกันว่า LinkedIn เป็นแพลตฟอร์มสำหรับองค์กร จากการวิจัยของ University of Massachusetts, Dartmouth บอกว่าบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 จะใช้ LinkedIn ในการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจและหาเครือข่ายที่พวกเขาสนใจเพื่อเกิดความร่วมมือกัน
13. ค่าเฉลี่ยเวลาการใช้งาน LinkedIn
จาก SimilarWeb, เก็บข้อมูลพบว่า คนที่ใช้งาน LinkedIn มีการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์กว่า 844.11 ล้านครั้งตั้งแต่ กรกฏาคม 2019-ธันวาคม 2019 และใช้เวลาบนเฉลี่ยอยู่ที่ 6 นาที 55 วินาที
14. คนค้นหา LinkedIn
มีการเข้าใช้งาน LinkedIn โดยตรง 69.98% และค้นหาผ่านระบบเสิร์ช 23.70% นอกจากนี้ ยังเป็นการค้นหาแบบออแกนิกถึง 99.51% ด้วย
15. 1.26% ของ LinkedIn เข้าใช้งานผ่านแพลตฟอร์มโซเชียล
นอกจากการค้นหาผ่านระบบเสิร์ชแล้ว ผู้ใช้งานก็ยังเข้าใช้งาน LinkedIn ผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook มากถึง 35.45%. เว็บไซต์อื่นๆ ก็มีการเข้าถึงโดยตรงบน LinkedIn แบ่งเป็น YouTube 21.83%, SlideShare 15.90% , และ Twitter 12.36%
16. 90% ของผู้ใช้ LinkedIn Users Have a Facebook Account
Pew Research พบว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่มีบัญชีโซเชียลมีเดียหลายบัญชี โดย 90% ของบัญชีผู้ใช้งาน LinkedIn จะมีบัญชีใช้งาน Facebook อีก 94% จะมีบัญชี YouTube ด้วยและมี 57% มีบัญชี Instagram
ดังนั้น ถ้าแบรนด์มีบัญชีบน LinkedIn ก็ควรมีบัญชีโซเชียลอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เพราะแต่ละแพลตฟอร์มจะมีกลยุทธ์กระตุ้นให้คนเข้าใช้งานต่างกัน
17. ผู้ใช้งานของ LinkedIn กว่า 57% จะเข้าผ่านอุปกรณ์สื่อสาร ดังนั้นจึงต้องทำภาพให้เหมาะสมกับขนาดหน้าจอที่หลากหลาย
18. LinkedIn ถูกใช้เป็นเครื่องมือสมัครงานกว่า 3 ล้านตำแหน่งในสหรัฐอเมริกา และมีตำแหน่งพิเศษให้โชว์ความสามารถกว่า 50,000 รายการ
19. กว่า 75% ของคนที่เปลี่ยนงาน ใช้ LinkedIn เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
20. LinkedIn SlideShare มีการใช้งานมากกว่า 80 ล้านยูสเซอร์ โดย LinkedIn SlideShare ช่วยให้นักการตลาดแบ่งปันข้อมูลกันได้อย่างง่ายดายและทำให้พวกเขาสามารถค้นหาข้อมูลในหัวข้อต่างๆแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและเรียนรู้มากขึ้น
ปัจจุบัน Slideshare มีการอัปโหลดข้อมูลมากกว่า 18 ล้านครั้งใน 40 หมวดหมู่ ดังนั้น นักการตลาดจะสามารถใช้แพลตฟอร์มนี้แบ่งปันเนื้อหาและนำเนื้อหาเดิมกลับมาใช้ใหม่หรือสร้างเนื้อหาใหม่เพื่อแชร์กับผู้ติดตามก็ยังได้ ซึ่งเป็นโอกาสที่คอนเทนต์ของคุณจะเข้าถึงคนอีกมาก
21. ควรโพสต์ข้อมูลบน LinkedIn เวลาใด? CoSchedule พบว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าถึงผู้คนได้ตรงกลุ่มเป้าหมายคือ ถ้าเป็นกลุ่ม B2C ควรโพสต์ข้อมูลเวลาเที่ยง ในขณะที่กลุ่ม B2B ควรโพสต์ในเวลา 08.00-10.00 น.และช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการโพสต์ทุกคอนเทนต์คือ วันพุธ เวลา 18.00 น.
ข้อมูลทั่วไปของ LinkedIn
22. ผู้ใช้งาน LinkedIn ในอเมริกา Pew Research พบว่า 27% ของผู้ใช้งานยังเป็นกลุ่มผู้ใหญ่เป็นส่วนมาก
23. กลุ่มอายุผู้ใช้งานทั่วโลก แบ่งเป็น อายุ 25-34 ปี อยู่ที่ 60%. ช่วงอายุ 18-24 อยู่ที่ 21%.
24. เพศของผู้ใช้งานแบ่งเป็น เพศชาย 57% เพศหญิง 43%
25. พื้นที่ใช้งานแบ่งเป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในพื้นที่เขตเมือง 44% และอีก 27% อยู่ในเขตชนบท
26. สัดส่วนรายได้ แบ่งเป็นคนที่มีรายได้มากกว่า 100k ถึง 60% และกลุ่มที่มีรายได้ระหว่าง 80k-100k มากถึง 50%
27.Edison Research พบว่าพนักงาน Full Time ใช้งาน LinkedIn มากถึง 72% ส่วนพนักงานฟรีแลนซ์ 10% นักเรียนนักศึกษา 5% และคนทำงานทั่วไป 13%
28.จำนวนบริษัทบนแพลตฟอร์ม LinkedIn มีกว่า 30 ล้านบริษัท
29.ความถี่ในการใช้งาน LinkedIn ของชนชั้นแรงงาน มีเพียง 3.7% ของคนทำงานหนักที่เข้าใช้งาน 2-3 ครั้งในขณะที่ 49.6% เป็นคนที่ไม่เคยใช้งานเลย
สถิติการตลาด LinkedIn
30. นักการตลาด B2B เชื่อว่า LinkedIn เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า โดยนักการตลาดจะใช้ LinkedIn ในการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายของเขา เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้นำที่มีคุณภาพและเครือข่ายได้ดีกว่าด้วยเนื้อหาที่มีคุณค่า
31. LinkedIn เป็นช่องทางนำเสนอคอนเทนต์ให้แก่นักการตลาดกลุ่ม B2B ได้ดีกว่า เพราะนักการตลาดกว่า 94% ของนักการตลาดยอมรับว่าพวกเขาใช้ LinkedIn ในการเผยแพร่เนื้อหาบนโซเชียลมีเดียต่างๆ
32. 91% ของนักการตลาดมองว่า LinkedIn เป็นตัวเลือกแรกสำหรับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเหล่ามืออาชีพ
33. กลุ่ม B2B ชอบอ่านบล็อกและเว็บไซต์ที่มีประโยชน์บน LinfedIn มากกว่าและควรตั้งแชร์บนโซเชียลอื่นๆ พร้อมกันได้ด้วย เพราะจะสร้างโอกาสให้คนแชร์ข้ามแพลตฟอร์มกันไปมา
34. ผู้อ่าน LinkedIn มีโอกาสซื้อเพิ่มขึ้น 2 เท่า จากกลุ่มสมาชิกตัวอย่างบอกว่าพวกเขาตัดสินใจซื้อบางอย่างทันที
35. กลุ่มธุรกิจ B2B กว่าหนึ่งในห้ายอมรับว่ามีการใช้จ่ายโฆษณาดิจิทัลมากขึ้นและจะซื้อผ่านเดสก์ท็อปมากกว่าบนมือถือ
36. LinkedIn Sales Navigator ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายมากกว่า 7% หากนักการตลาดคนใดยังไม่เคยใช้เครื่องมือนี้ ต้องไม่พลาดแล้ว เพราะมีนักการตลาดที่เคยใช้งานพบว่าเครื่องมือนี้กำหนดเป้าหมายและเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้ดีกว่า และนักการตลาด 18% ที่ได้ใช้งานเครื่องมือนี้ จะได้รับโอกาสเข้าถึงได้ดีกว่า
37. LinedIn เป็นช่องทางการตลาดดิจิทัลที่นักการตลาดให้การยอมรับมากถึง 89% ตามมาด้วย Twitter ที่ 86% อีก 82% คือ Facebook
38. นักการตลาดยอมจ่ายเงินกับ LinedIn มากกว่าเพราะเป็นแพลตฟอร์มที่มีผลลัพท์ด้านการตลาดได้ดีที่สุด
40. OkDork พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนการดูกับการถูกใจเนื้อหาโพสต์เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่คนอยากแชร์และแสดงความคิดเห็นมากขึ้น
42. Hubspot พบว่า LinkedIn เป็นช่องทางการขายที่ดี นอกจากกลยุทธ์การโทรศัพท์และอีเมล์แล้ว การส่งข้อมูลและเนื้อหาทางการขายผ่าน LinkedIn ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางการติดต่อลูกค้าที่ได้ผลดี
44. การโพสต์บน LinkedIn ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วม เนื่องจากการโพสต์เนื้อหาบน LinkedIn ทุกสัปดาห์จะช่วยเพิ่มการอยากมีส่วนร่วมของคนในองค์กรถึง 2 เท่า
45. โพสต์รูปภาพและวีดีโอบน LinkedIn จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจในเนื้อหามากขึ้น แบ่งเป็น เนื้อหาพร้อมภาพเพิ่มโอกาสรับชมถึง 5 เท่า ส่วนวีดีโอช่วยให้คนรับชมเพิ่มขึ้น 24 เท่า
46. LinkedIn ช่วยเพิ่มโอกาสในการตอบกลับอีเมล์เพิ่มขึ้น 10-25% โดยนักการตลาดพบว่าผู้บริโภคตอบกลับอีเมล์ของเขาเพิ่ม 300% หลังจากที่มีการสื่อสารผ่าน LinkedIn มาก่อนหน้านี้
47. จากตารางด้านล่างจะพบว่า หัวข้อที่น่าสนใจใน LinkedIn 10 อันดับ โดยช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2019 พบว่า เนื้อหาที่คนนิยมอ่าน 3 อันดับแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยี ธุรกิจและการบริหารจัดการ ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม
49. Influencer ที่คนอ่านให้การยอมรับได้แก่ Melinda Gates, Adam Grant, และ Sara Blakely เพราะเป็นคนที่นำเสนอเนื้อหาได้ดี มีประโยชน์ต่อผู้ติดตาม
ที่มา : Influencer Marketinghub