เปิดไอเดีย David Hoffman ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Dunkin สหรัฐอเมริกาที่ระบุว่า Dunkin กำลังจะเตรียมนำ “โปรตีนจากพืช” มาให้บริการในเมนูอาหารเช้าที่จะหลากหลายมากกว่าแค่โดนัทและแซนวิช แนวคิดนี้ถือเป็นการปรับตัวตามเชนร้านอาหารจานด่วนรายอื่นที่หันมาจำหน่ายเมนูไร้เนื้อสัตว์ แต่มีโปรตีนจากพืชเป็นส่วนประกอบเด่นเรียบร้อย
จากภาพที่ชาวโลกมักมองว่า Dunkin จำหน่ายสินค้าหลักคือกาแฟและโดนัท วันนี้เชนค้าปลีกในสหรัฐฯปูพรมจำหน่ายชุดอาหารเช้า แซนด์วิช และเมนู Wrap บนกลยุทธ์ที่เน้นเรื่องราคาถูกกว่าคู่แข่ง โดยเริ่มเปิดเมนูชุดราคาเดียวที่จำง่ายเช่น 2 เหรียญ, 4 เหรียญหรือ 5 เหรียญ ความน่าสนใจคือ David Hoffmann สุดยอด CEO ของ Dunkin มีไอเดียว่าบริษัทควรเพิ่มตัวเลือกเมนูอาหารเช้าของ Dunkin มากขึ้นอีก คาดว่าเร็ววันนี้จะมีเมนูโปรตีนจากพืชเพิ่มเข้ามา
กำลังศึกษา
Hoffmann เปิดเผยความคืบหน้าใหม่ของบริษัทผ่านสำนักข่าว CNBC โดยบอกว่าเทรนด์การจำหน่ายเมนูอาหารที่ใช้โปรตีนจากพืชนั้นเกิดขึ้นเพราะทุกแบรนด์ต่างมุ่งหน้าไปที่การสร้าง “ตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับคุณ” แนวคิดเมนูสุขภาพนี้ทำให้ Dunkin เริ่มศึกษาการผลิตเมนูโปรตีนจากพืช เพื่อก้าวไปข้างหน้าเช่นเดียวกับธุรกิจฟาสต์ฟู้ดรายอื่น
ปัจจุบัน เมนูอาหารเช้าของ Dunkin ประกอบด้วยไส้กรอก ไข่ แซนด์วิชชีส และ bacon omelette wrap หรือแป้งห่อเบคอนกับไข่ นอกจากนี้ Dunkin เพิ่มเมนูสุขภาพใหม่เช่น แซนวิชผักไข่ขาว รวมถึงเมนูไข่ขาวอื่น
แม้ว่า Hoffmann จะไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตเมนูเนื้อสัตว์หรือไข่ แต่การประกาศของ Hoffmann สะท้อนว่าตลาดการผลิตอาหารจากพืชนั้นมีการเติบโตอย่างรวดเร็วมากในสหรัฐฯ โดยในปี 2018 พบว่ายอดค้าปลีกในตลาดนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% เป็น 3,700 ล้านเหรียญ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากสินค้ากลุ่มเนื้อสัตว์จากพืชหรือ plant-based meat เป็นหลัก
สิ่งที่ Hoffmann มองคือการแทรกตัวสู่ตลาดเบอร์เกอร์มังสวิรัติ ดาวรุ่งหลักในวงการนี้คือ Impossible Foods ที่ผลิต Impossible Burgers จำนวนกว่า 500,000 ปอนด์ต่อเดือนเพื่อให้บริการผ่านร้านอาหารมากกว่า 5,000 แห่ง ยังมีแบรนด์อย่าง Beyond Meat ที่พบว่ายอดขายสินค้ากลุ่มเบอร์เกอร์ปราศจากเนื้อไก่และไส้กรอกเพิ่มขึ้น 70% ผลจากการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 3 เท่าเพื่อให้บริการในร้านอาหาร ร้านขายของชำ มหาวิทยาลัย โรงแรม และสนามกีฬามากกว่า 35,000 แห่ง
ยังไม่ชัดว่า Hoffmann จะเลือกเป็นพันธมิตรกับ Impossible Foods หรือ Beyond Meat โดยทั้ง 2 บริษัทนี้โหมแข่งขันกันแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด ผ่านการร่วมมือกับเชนอาหารที่หลากหลาย โดยเมื่อเดือนที่แล้ว Beyond Meat ร่วมมือกับ Carl’s Jr. และ Del Taco กลายเป็นเครือข่ายอาหารฟาสต์ฟู้ดเม็กซีกันรายใหญ่รายแรกที่ขายทาโก้เนื้อวัวเทียม ขณะที่ Impossible Foods หันมาหา Burger King ซึ่งเป็นเจ้าใหญ่ที่ดึงให้ตลาดเบอร์เกอร์เจคึกคักได้ชัดเจน
ประสบการณ์โชกโชน
David Hoffmann เข้ารับตำแหน่งใหญ่ใน Dunkin เมื่อปี 2018 ต่อจาก Nigel Travis ที่กุมบังเหียน Dunkin นานเกือบ 10 ปี ประสบการณ์เด่นของ Hoffmann คือการเป็นผู้บริหารของ McDonald มานานบนอายุงานรวมกว่า 22 ปี เวลานั้นสื่ออย่าง Bloomberg ระบุว่า Hoffmann จะได้รับเงินเดือนเริ่มต้นที่ 900,000 เหรียญสหรัฐต่อปี พร้อมด้วยส่วนแบ่งพิเศษจากการขายที่จะเพิ่มขึ้นได้อีก รวมถึงหุ้น Dunkin มูลค่าประมาณ 1.5 ล้านเหรียญ
ที่ผ่านมา Hoffmann ย้ำว่าไม่ได้วางแผนที่จะเปลี่ยนโฉม Dunkin อย่างสุดขีด แต่การเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นกับ Dunkin ในช่วงปีที่ผ่านมา ถือว่า Hoffmann เป็นศูนย์กลางเพื่อปรับให้ Dunkin เป็นไปตามแผนกลยุทธ์การเติบโต 3 ปี กลยุทธ์นี้หวังให้ Dunkin ขึ้นเป็นผู้นำตลาดกาแฟและเอสเพรสโซ่ราคาประหยัด ในขณะเดียวกันก็เบนเข็มจาก “โดนัททอด” มาเป็นเมนูสุขภาพที่จะไม่ได้มีเพียงเอสเพรสโซ่ แต่ยังมีชาหรือเครื่องดื่มจากพืชเมนูอื่น ซึ่ง Dunkin หวังมอบประสบการณ์ที่ดีในราคาที่สามารถจ่ายได้
ภายใต้การบริหารยุค Hoffmann เชนฟาสต์ฟู้ดอย่าง Dunkin เปิดร้านใหม่ 313 แห่งในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2017 โดยในปี 2018 บริษัทลุยเพิ่มสาขาในแดนลุงแซมอีก 275 สาขา ปัจจุบันมีร้านค้ามากกว่า 9,000 แห่งในสหรัฐอเมริกาและกว่า 12,500 แห่งทั่วโลก.
ที่มา: : FastCompany