ปฏิเสธไม่ได้ว่า งานมอนิเตอร์คอมเม้นท์จากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นงานที่โหดหินงานหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะผลกระทบในด้านจิตใจที่จะเกิดขึ้นกับผู้มอนิเตอร์ ซึ่งต้องทนอ่านข้อความต่าง ๆ และต้องตัดสินใจว่าจะลบทิ้ง หรือปล่อยให้เผยแพร่อยู่ในระบบดี แต่สำหรับพนักงาน Facebook อาจรู้สึกโล่งใจมากขึ้นก็เป็นได้ เมื่อ Facebook พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ชื่อ DeepText ขึ้นมาช่วยวิเคราะห์ข้อความต่าง ๆ นั้นแทนมนุษย์ได้เป็นผลสำเร็จ แถมความสามารถของ DeepText ในการตีความยังใกล้เคียงกับมนุษย์อย่างมากอีกด้วย
โดยระบบปัญญาประดิษฐ์ DeepText นั้นรองรับทั้งสิ้น 20 ภาษา ซึ่งการพัฒนา DeepText ขึ้นมานั้น Facebook ตั้งความหวังว่าจะใช้เป็นเครื่องมือในการนำเสนอบริการให้ตรงใจกับผู้ใช้งานของแพลตฟอร์มตนเองนั่นเอง
Facebook เผยว่า DeepText สามารถเลือกข้อความที่มีเนื้อหารุนแรง เช่น อาจมีคำที่นำไปสู่การโต้แย้งถกเถียงออกจากการอัปเดตสถานะได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งความสามารถนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งาน Facebook ไม่ต้องถูกทำร้ายจิตใจ หรือต้องกดรีพอร์ตสถานะนั้น ๆ ด้วยตัวเอง แถมยังลดงานของพนักงานลงได้อีกด้วย
นอกจากนั้น Facebook ยังพบว่า ระบบ DeepText นี้สามารถตรวจจับและรายงานภาพความรุนแรงได้มากกว่าการรีพอร์ตโดยใช้แรงงานและสมองของมนุษย์เช่นกัน
ส่วนความสามารถในการเข้าใจบริบทของข้อความนั้น Facebook ระบุว่า ต้องมีการสอนให้คอมพิวเตอร์เข้าใจถึงสิ่งที่อาจเป็นคำแสลง ชื่อ หรือคำพิเศษ ต่าง ๆ ด้วย เช่น หากมีคนโพสต์ว่า ฉันชอบแบล็กเบอรี่ ก็ต้องมองออกด้วยว่า แบล็กเบอรี่นี้ผู้เขียนหมายถึงผลไม้ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในช่วงเริ่มต้นนี้ Facebook Messenger คือบริการผู้โชคดีที่จะได้ทดสอบความสามารถของ DeepText เป็นลำดับแรก
ยกตัวอย่างความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นใน Facebook Messenger เช่น ในกรณีที่ DeepText พบว่า ผู้ใช้งานต้องการมองหารถ มันอาจดึงความสามารถในการเรียกรถจากบริการเช่น Uber หรือ Lyft ขึ้นมาเสนอโดยที่ไม่ต้องร้องขอ ฯลฯ โดยรวมแล้วจึงสามารถมองได้ว่า การนำความสามารถของ DeepText มาใช้บน Facebook นั้นก็เพื่อให้ระบบเป็นที่ “ถูกใจ” ผู้ใช้งานมากขึ้นนั่นเอง แถมยังช่วยลดงานของพนักงาน Facebook ลงด้วยเพราะ DeepText สามารถกรองคอนเทนต์ที่ไม่ดี หรือข้อความสแปมออกจากระบบได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี การเกิดขึ้นของ AI หนึ่งระบบก็อาจนำไปสู่การเลิกจ้างพนักงานได้หลายสิบหลายร้อยคนเลยทีเดียว โดย AI อย่าง DeepText ที่ Facebook พัฒนาขึ้นนี้อาจเป็นตัวอย่างที่ดีของแนวโน้มดังกล่าวก็เป็นได้