Site icon Thumbsup

ดร.พิเชฐย้ำ”ดิจิทัลแก้โจทย์ประเทศได้” ส่ง “ดีป้า” สร้างสตาร์ทอัป 500,000 รายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

 

ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ตามที่รัฐบาลมีนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ไทยแลนด์ 4.0 หลายภาคส่วน ได้มีการปรับแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับพันธกิจ หลายโครงการขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ได้ให้การสนับสนุน การพัฒนาและวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในทุกมิติ ในแนวทางการรวมพลังทุกภาคส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอีก 20 ปีข้างหน้า ให้เกิดการพัฒนาอย่างบูรณาการ ทั้งภาคเศรษฐกิจและสังคม

ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน ดีป้ายกระดับคุณภาพชีวิตในทุกมิติของคนไทย หรือ DEPA: Enhance People Value for Every dimension of Life ว่า ดีป้า ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงดิจิทัลฯ มีเป้าหมายที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยในทุกมิติด้วยดิจิทัลและนวัตกรรม ด้วยเล็งเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในอีก 20 ปีข้างหน้าจะไม่เหมือนเดิม จากสภาพสังคมในวันนี้เปลี่ยนไปมากนั่นเอง

“หากเราหันไปมองรอบตัวเราจะเห็นว่า อุปกรณ์ IoT นั้นมีอยู่มากมาย และเป็นตลาดเกิดใหม่ที่น่าสนใจ โดยในยุคของการเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดการบูรณาการมากกว่าเป็น Standalone Technology ที่ทำให้มนุษย์สามารถเชื่อมโยงกันได้มากกว่าที่เคยเป็นมา”

“แจ็ค หม่า เคยบอกว่า เขาเป็นบริษัทข้อมูล ไม่ใช่บริษัท E-Commerce โลกยุคต่อไปจะชนะกันตรงที่ข้อมูล และการนำข้อมูลไป Integrate กับทุกสิ่ง และนั่นคือสิ่งที่กระทรวงดิจิทัลเราทำอยู่ กับเน็ตประชารัฐ ที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การ Transformation ที่ในปี 2561 เราจะมีบรอดแบนด์ครบทุกหมู่บ้าน”

ดร.พิเชฐ กล่าวด้วยว่า ขณะที่ภาครัฐเองก็มีการใช้อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ระบบ E-Government ซึ่งในอนาคตเราต้องมาคิดกันว่า จะให้ภาคประชาชนได้ประโยชน์อย่างไรบ้างกับ E-Government ของรัฐบาลในลักษณะบริการที่ยั่งยืน

“การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านประเทศครั้งสำคัญ ซึ่งหมายถึง การเคลื่อนย้ายจากสังคมหนึ่งไปอีกสังคมหนึ่งด้วยการเข้าถึงข้อมูล การบริการต่าง ๆ ด้วยดิจิทัลและนวัตกรรม ซึ่งดูเหมือนเป็นงานที่หนักและยาก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเราร่วมมือกันบูรณาการการทำงานให้เป็นรูปธรรมตามโรดแมปของประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้นโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลขับเคลื่อนอย่างเต็มที่สู่ไทยแลนด์ 4.0”

ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือดีป้า

ด้าน ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวในการเสวนาหัวข้อ “การยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกมิติของคนไทยในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล”ว่า การยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยในอีก 20 ปีข้างหน้านั้น เป็นการพูดถึง การนำเทคโนโลยีไปใช้ยกระดับสังคมในทุกมิติ ซึ่งต้องกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ข้อมูลเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไปในทุก ๆ อุตสาหกรรม ควบคู่กับการดูแลโครงการพิเศษต่าง ๆ ให้รุดหน้าไปให้ถึงเป้าหมายสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้สังคมไทย อาทิเช่น

ทั้งหมดนี้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลจะดูเรื่องการส่งเสริม และสนับสนุนการลงทุนไปพร้อม ๆ กัน ในลักษณะการทำงานขยายผลไปในส่วนภูมิภาค เพื่อไม่ให้กระจุกตัวเฉพาะในกรุงเทพฯ และยังรวมถึงดูแลการพัฒนาชุมชนที่มีอยู่ 24,700 ชุมชน เพื่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายข้อมูลสู่ดิจิทัล โดยมุ่งให้คนในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในพื้นที่ของตัวเองด้วย

ส่วนรูปแบบคือการส่งวิทยากรอาสาเข้าไปอบรมผู้ประกอบการ ทำให้ผู้ประกอบการในพื้นที่สามารถที่จะประยุกต์ใช้ดิจิทัลให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจของตัวเองอย่างสูงสุด และเกิดการขยายผลไปในรอบ ๆ ชุมชน

“การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทยจากวันนี้ถึง 20 ปีข้างหน้า เราคงไม่ได้มองแค่ฮาร์ดแวร์ หรือซอฟต์แวร์ แต่รวมไปถึงการพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ซึ่งเกี่ยวโยงกันทั้งหมด หรือการทำงานเป็นคลัสเตอร์ ซึ่งแนวทางการทำงานเราคงต้องมาสำรวจตรงนี้ด้วยว่า การใช้นวัตกรรมแต่ละพื้นที่มีอะไรบ้างที่เกิดประโยชน์และเห็นผลได้เร็ว ซึ่งต้องทำงานกันเป็นทีมตั้งแต่การดูแลโครงการ ดูข้อมูลภาคสังคม ภาคเศรษฐกิจทุกมิติ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ในพื้นที่ และที่สำคัญต้องมีดัชนีชี้วัดความสำเร็จในระยะยาวเพื่อบูรณาการอย่างยั่งยืน”

บรรยากาศบนเวทีเสวนา

“สำหรับดีป้าตั้งเป้าหมายไว้ว่าใน 20 ปีข้างหน้า จะต้องมีสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งธุรกิจขึ้นมาได้จริง 20,000 ราย และไม่ใช่ดิจิทัล สตาร์ทอัพ แค่มาขอทุนเขียนโมเดลแล้วจบด้วยการไปขายลิขสิทธิ์ให้ประเทศเพื่อนบ้าน โดยสตาร์ทอัพที่ได้ทุนต้องทำธุรกิจให้สุดให้เกิดเศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์ในประเทศไทย มีผู้ประกอบการผลิตฮาร์ดแวร์เกิดใหม่ 50,000 ราย มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนจำนวน 80,000 ราย และมีนักลงทุนที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีจำนวน 350,000 ราย หรือ รวมทั้งหมด 500,000 ราย ซึ่งต้องเห็นผลและทำได้จริง” ดร.ณัฐพลกล่าวทิ้งท้าย