Site icon Thumbsup

แอพฟังเพลงจากอินเดีย Dhingana เตรียมเปิดตัวโมบายล์เว็บหวังลุยตลาดฟีเจอร์โฟน

Indian1

ต้องบอกว่านี่คือกรณีศึกษายอดเยี่ยมที่นักการตลาดแอพพลิเคชันควรนำไปแนะนำนักพัฒนา เพราะวันนี้แอพพลิเคชันฟังเพลงออนไลน์สัญชาติอินเดียอย่าง Dhingana ซึ่งถูกดาวน์โหลดไปแล้วมากกว่า 3.5 ล้านครั้ง กำลังจะเปิดบริการในรูปแบบของโมบายเว็บ เพื่อให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือชนิดฟีเจอร์โฟน (Feature Phone) ที่มีจำนวนมากกว่าสมาร์ทโฟนสามารถใช้งานได้ง่ายทุกกลุ่มและเข้าถึงได้ทุกคน

กรณีศึกษาของ Dhingana จะทำให้นักพัฒนารู้ว่าไม่ควรมองข้ามตลาดกลุ่มฟีเจอร์โฟนไป เพราะความจริงที่ว่า ตลาดประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทยนั้นมีกลุ่มผู้ใช้งานโทรศัพท์แบบฟีเจอร์โฟนจำนวนมาก (ฟีเจอร์โฟนคือโทรศัพท์ที่รวมเอาลูกเล่นหลายอย่างแต่มีความสามารถไม่เทียบเท่าสมาร์ทโฟน) ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้จะทำให้แอพ Dhingana สามารถขยายฐานตลาดได้อย่างน่าจับตา

Dhingana เป็นแอพสำหรับฟังเพลงจากบอลลีวู้ดแบบออนไลน์ เริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2007 และในตอนนี้มีเพลงอยู่ในเครือข่ายมากกว่า 500,000 เพลง ใน 38 ภาษาท้องถิ่น ซึ่งแอพนี้มีให้โหลดสำหรับ Android, iOS, BlackBerry รวมถึง Nokia

Snehal Shinde ซีอีโอและหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Dhingana ออกมากล่าวว่า ยอดดาวน์โหลดของแอพมีมากกว่า 3.5 ล้านครั้งแล้ว และบริษัทยังพยายามขยายตลาดของแอพอย่างต่อเนื่อง โดยการพัฒนาเว็บสำหรับมือถือขึ้นมา เพื่อให้โทรศัพท์ฟีเจอร์โฟนสามารถใช้งานได้ด้วย

Snehal กล่าวว่า ปัจจุบันการใช้งานอินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือในประเทศอินเดีย หลักๆ แล้วมาจากโทรศัพท์แบบฟีเจอร์โฟน โดยอ้างอิงรายงานของกระทรวงโทรคมนาคมของอินเดียว่าจำนวนโทรศัพท์มือถือที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ภายในประเทศอินเดียมีอยู่ราว 406.8 ล้านเครื่อง ส่วนสมาร์ทโฟนมีเพียง 24 ล้านเครื่องเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าโอกาสสำหรับตลาดกลุ่มนี้ยังเปิดกว้างอยู่อีกมาก

แนวคิดของ Dhingana ยังช่วยต่ออายุตลาดโทรศัพท์ฟีเจอร์โฟนได้อีกทาง เพราะที่ผ่านมา ตลาดฟีเจอร์โฟนดูเหมือนว่ากำลังหดตัวเพราะราคาของสมาร์ทโฟนที่ลดลง ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถใช้งานแอพได้หลากหลายเท่าสมาร์ทโฟน

เรื่องนี้สามารถนำมาปรับใช้ในบ้านเรา เพราะวันนี้ฟีเจอร์โฟนวางจำหน่ายอย่างเป็นล่ำเป็นสัน และแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตก็มีความพร้อมใช้งานได้แทบจะตลอดเวลา บางทีฟีเจอร์โฟนอาจจะต้องการคอนเทนต์ที่ถูกต้องลงมาเติมเต็ม ให้การใช้งานฟีเจอร์โฟนถูกต่ออายุออกไปอีกก็เป็นได้

ที่มา: Techcrunch