จังหวะคือเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามจริงๆ เมื่อการสำรวจล่าสุดพบว่าโฆษณาดิจิทัลจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่า 40% เมื่อแสดงต่อผู้บริโภคในภาวะอารมณ์ที่เหมาะสม ความน่าสนใจยังอยู่ที่โฆษณาดิจิทัลมีสัดส่วนประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเหนือกว่าโฆษณาทั่วไปที่มีแนวโน้มสำเร็จมากกว่าเดิม 24% เท่านั้น
การสำรวจนี้ดำเนินการโดย Yahoo ซึ่งเคลมว่าการศึกษาครั้งนี้เป็นงานวิจัยที่ครอบคลุมประเด็น “บทบาทของอารมณ์” ในการตอบรับโฆษณามากที่สุด โดยเน้นศึกษาปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคเปิดกว้างรับการโฆษณาในแต่ละวัน
นอกจากผลสรุปว่าการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในช่วงที่กำลังรู้สึก “upbeat” หมายถึงกำลังรื่นเริงสบายใจ ไม่ได้รู้สึกเบื่อหรือเซ็งกับภาวะรอบด้าน จะทำให้ประสิทธิภาพของโฆษณาเพิ่มขึ้น 24% สำหรับโฆษณาทั่วไป และ 40% สำหรับโฆษณาดิจิทัล การศึกษายังพบว่าผู้บริโภคชาวอังกฤษและสหรัฐอเมริกานั้นมีช่วงเวลา“”upbeat” ราว 46% ในแต่ละวัน ช่วงเวลานี้เองที่ผู้บริโภคอยู่ในอารมณ์ปกติที่พร้อมรับข้อมูลจากโฆษณา
จากการรวมข้อมูลวัดผลเชิงอารมณ์มากกว่า 18,000 จุด และการสัมภาษณ์เชิงคุณภาพ 12 ครั้ง รวมถึงการสำรวจความเห็นชาวออนไลน์ 4 ประเทศคือสหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี และแคนาดา (ประเทศละ 1,000 คน) การสำรวจพบว่าในช่วงเวลาที่รู้สึก upbeat ส่วนใหญ่รู้สึกอยากติดตาม native video content มากขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่อยู่ในภาวะอารมณ์อื่น
ในช่วงเวลานี้ กลุ่มตัวอย่างรู้สึกว่าอยากติดตาม content marketing มากขึ้น 28% ขณะที่อีก 21% จะ engage กับ direct marketing มากขึ้น
การสำรวจยังพบว่า ไม่เพียงอารมณ์ของผู้บริโภคที่มีผลต่อการ engage กับโฆษณาดิจิทัล กิจกรรมที่ทำในขณะนั้นก็มีผลโดยตรงต่อการ engage กับโฆษณาดิจิทัลด้วย ประเด็นนี้เห็นได้ชัดจากกลุ่มตัวอย่าง 71% จาก 4 ประเทศนี้จะคลิกหรืออ่านโฆษณาดิจิทัลเมื่อสิ่งที่เห็นนั้นน่าสนใจกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ ขณะที่ 67% ระบุว่าจะคลิกอ่านโฆษณาเช่นกันหากโฆษณานั้นให้ความรู้สึกเหมือนที่ตัวเองเป็นอยู่ในขณะนั้นได้
ที่มา: CampaignAsia