ช่วงปลายปี thumbsupers หลายคนที่เป็นคนทำงานด้านธุรกิจดิจิทัลไม่ว่าจะฝั่งแบรนด์, เอเยนซี่ ก็น่าจะได้รับเชิญจากองค์กรต่างๆ ไปบรรยายที่นั่นที่นี่ และเชื่อขนมกินได้เลยว่า 90% คือหัวข้อ “Digital Trend ของปี 2015” (ซึ่งมันก็จะเป็นอย่างนี้ทุกๆ ปลายปี) เพื่อให้การเตรียมตัวบรรยายปลายปี 2014 – ต้นปี 2015 ของคุณง่ายขึ้น ผมขอรวบรวมข้อมูล และข้อคิดบางอย่างมาไว้ที่นี่ทั้งหมด 9 ข้อเพื่อเป็นทางลัดในการทำสไลด์ของคุณนะครับ หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ นักการตลาดดิจิทัลนะครับ
1. สถิติระดับโลก เวลาทำสไลด์ สิ่งที่แทบทุกคนจะต้องใส่ก่อนเลยก็คือจำนวนสถิติผู้ใช้อินเทอร์เน็ต, จำนวนผู้ใช้ Social Media ผมเลยรวบรวมมาให้ครับ จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกปี 2014 อ้างอิงจาก InternetLiveStats.com ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2014 คือ 3,000 ล้านคน จากประชากรทั้งโลกราว 7,100 ล้านคน พูดง่ายๆ คือ 42% ของประชากรในโลกใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว ตัวเลขนี้อาจจะขัดกับตัวเลขอื่นบนวิกิพีเดีย, InternetWorldStats นิดหน่อยนะครับ รายละเอียดอื่นๆ อ้างจาก Statista จะค่อนข้างอัปเดตดีครับ
2. สถิติในประเทศไทย จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของประเทศไทยอย่างเป็นทางการโดย truehits และ NECTEC คือ 26.1 ล้านคน ส่วนพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในบ้านเราดูตัวเลขของ ETDA ได้เลยครับ หรือจะดูพวก Social Media ในไทยใช้ตัวเลขของ SocialBakers หรือ ZocialRank ก็ละเอียดดีครับ ส่วนพวกตัวเลขจำนวนผู้ใช้มือถือ เครือข่ายมือถืออย่าง AIS, dtac, truemove H ใครแรงกว่าใคร ดูตัวเลขได้ที่ NBTC ครับ น่าเชื่อถือที่สุด ส่วนตัวเลขของคนโฆษณาพวก Media Spending เห็นจะไม่มีตัวเลขไหนดีกว่า DAAT ครับ
3. จะเอาพวก Digital trend ไหนไปอัปเดตเจ้านาย/ลูกค้าดี? ส่วนตัวแล้วผมชอบคำทำนายการตลาดดิจิทัลปี 2015 ของ Forbes กับสไลด์ของ Mary Meeker แห่ง KCPB นะครับ ถึงจะติดกลิ่นนมเนยฝรั่งไปสักนิด แต่ก็นำมาปรับใช้กับการทำสไลด์ของคุณได้แน่นอนครับ แค่คุณเปลี่ยน Marketing tools บางตัวก็เอาไปใช้ได้แล้วล่ะครับ
4. เอาเนื้อหาบน Slideshare มาต่อยอด อันนี้ผมว่าทุกคนในวงการใช้กันนะครับ มันเร็วดี ในนั้นจะมีกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่เวิร์คสำหรับเมืองนอกค่อนข้างเยอะ สำหรับ thumbsupers ผมแนะว่าอ่านเอามาต่อยอดดีที่สุดครับ
5. ปีของ Mobile, Multi Screen (อีกแล้ว?) ผมรู้ครับว่าเราพูดเรื่องนี้กันมาเกือบสิบปีแล้ว แต่อย่าเพิ่งทำหน้าเบื่อครับ ถ้าอยากรู้ความจริง ลองดูจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตสิครับ ขนาดเว็บที่บริษัทผม ยังมีคนใช้จากมือถือมากกว่า PC แล้วเลย ดังนั้นปีนี้การทำงานของเราควรจะเป็นแบบ Mobile ready การทำแคมเปญต่างๆ การทำ Content ที่ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือ ต้องคิดว่าให้คนดูบนโทรศัพท์มือถือก่อนที่จะดูบน PC ด้วยซ้ำ ถ้ายังไม่เชื่อ ลองดูสิครับว่าเวลาเราดูละครหัวค่ำ หรือเมื่อสองเดือนก่อนตอนนั่งดูฮอร์โมน คุณทวีตหรือแชร์เรื่องราวของตัวละครบน Second screen ไหม
6. Data driven ผมเคยคุยกับนักการตลาดดิจิทัลเก่งๆ หลายคน ทุกคนยืนยันเหมือนกันว่าเราควรจะมีความเป็นนักคณิตศาสตร์มากกว่าเดิมให้มาก เพราะไม่ว่าเครื่องมือทางการตลาดตัวไหนก็มักจะมาพร้อมกับเครื่องมือวัดผลหลังบ้านที่มีตัวชี้วัดที่เป็นตัวเลขจับต้องได้ชัดเจนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Web Analytics, Social Analytics, Big Data Solution ซึ่งมันทำอะไรให้เราได้หลายอย่าง แต่ที่ผมว่าจับต้องได้มากที่สุดก็คือการใช้มันเก็บข้อมูลในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคทุกเม็ดทุกหยดแล้วเปลี่ยนมาเป็น Business Intelligence ดังนั้นปีนี้ถ้าคุณจะเดินเข้าไปหาลูกค้าและเจ้านาย ควรจะมีตัวเลขประกอบการตัดสินใจให้ได้ทุกๆ ครั้ง แค่สัญชาติญาณอย่างเดียวไม่พอ
7. HR พึงทราบ “คนดิจิทัล” จะไม่ใช่แค่ “ดิจิทัล” แต่จะหลอมรวมกับทีมการตลาดหลัก ผมเคยสัมภาษณ์ผู้สันทัดกรณีเรื่องแนว HR ของคนดิจิทัล และ Career Path เอาไว้ในคอลัมน์ส่วนตัว “หมายเหตุดิจิทัล” ว่าต่อไปนี้คนดิจิทัลจะเริ่มหลอมรวมกันมากขึ้น ถ้าเป็นฝั่ง Corporate มักจะเริ่มจากการดึงเอาคนที่มีความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัลเข้ามาเสริมทีมการตลาดก่อนในตำแหน่ง Digital โดยทำงานร่วมกับ Marketing communication ที่เก่งในด้านการตลาดแบบเดิม แต่ในระยะยาวต่อไป คนทำงานดิจิทัลก็จะกลายเป็นคนๆ เดียวกันที่อยู่ในทีมของ Marketing communication (ที่มาพร้อมกับความเชี่ยวชาญในด้านดิจิทัล) ในที่สุด
แต่ถ้าเป็นฝั่งเอเยนซี่ ก็จะเป็นส่วนผสมของคนทำงานเอเยนซี่เดิมที่เข้มใจสื่อเดิม มีความคิดสร้างสรรค์ เสร็จแล้วก็ดึงคนที่เก่งด้านดิจิทัลเข้ามารวมกัน แล้วทำงานที่แบ่งตามแผนก Account planner (บางบริษัทจะแยก Account กับ Planner), Creative, Project management, และ Media planner แต่ทุกคนก็จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในแต่ละส่วนผสมการตลาดดิจิทัลทั้งหมด เช่น Search, Social, Display Ad Technology, ฯลฯ ทั้งหมดนี้น่าจะนำไปสู่การที่เอเยนซี่รายใหญ่ๆ จะต้องไล่ซื้อดิจิทัลเอเยนซี่รายเล็กไปผสมควบรวมกันด้วย เป็นเทรนด์เดียวกันหมดทั้งฝั่ง Corporate และเอเยนซี่
8. 3 ทหารเสือ Content + Search + Social ยังคงสำคัญ การสร้าง Content ให้มีความหมาย แล้วทำให้ไหลไปบน Social (ในช่วงเวลาที่ถูกต้องและไปเจอกับคนที่ต้องการ Content นั้นๆ) และให้ติด SEO จะสำคัญกับแบรนด์มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา ถ้าในทีมการตลาดของคุณเข้าใจ 3 เรื่องนี้ดี คุณมีภาษีดีกว่าคู่แข่งของคุณแน่นอนครับ แต่ต้องบอกตรงๆ ว่า กลยุทธ์ 3 ทหารเสือนี้พวกเราก็รู้ดีว่าต้องทำ แต่เวลาลงมือทำจริงๆ มันโคตรยากเลย แต่ถึงจะยาก คุณจะต้องเริ่มทำมันให้สำเร็จให้ได้ในปีนี้ครับ
9. ชวนลูกค้าและเจ้านายของคุณย้อนหลังดู Trend ของปี 2012, 2013, 2014 ที่เคยพูดกันไว้เมื่อต้นปี สาเหตุที่บอกอย่างนี้ เพราะทุกปี ก็จะมีนักการตลาดสรุปเอา trend ที่ตัวเองคิดว่ามันจะเกิดขึ้นมาเล่า ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ก็เกิดบ้างไม่เกิดบ้าง คุณจึงควรจะเอา trend เหล่านี้มารีวิวกันดูครับว่า อะไรที่น่าจะเกิด อะไรที่น่าจะไม่เกิดขึ้นในปีนี้ และที่สำคัญ…อะไรที่คุณเอามาลงมือทำและมีประโยชน์กับธุรกิจคุณได้บ้าง?
เกี่ยวกับคอลัมน์ Digital tips: สมัยนี้เวลาคนเราน้อยลง การอ่าน Best Practice ต่างๆ ใน thumbsup จะช่วยให้คุณทำงานได้ดีขึ้น แต่ Best Practice ที่เขียนกันมาทีนึงก็ย๊าวยาว (ใครจะมีเวลาอ่านอะไรยาวๆ ถ้าอย่างนั้น?) จะดีไหมถ้ามีคอลัมน์รายสะดวก (รายสัปดาห์ ถ้าเป็นไปได้) ในการแชร์ประสบการณ์เชิง tips & tricks ของคนทำงานธุรกิจดิจิทัลแบบสั้นๆ อ่านได้ง่ายจบในไม่กี่อึดใจ ไม่เยิ่นเย้อ แต่ตกตะกอนมาแล้ว ก็คงจะเป็นประโยชน์กับ thumbsupers ไม่มากก็น้อย
ที่มาของภาพ: meddygarnet บน flickr