Digital Ventures ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์เปิดตัวเลขความสำเร็จโครงการ DVAb0 ชี้เป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จว่าสามารถบ่มเพาะและส่งเสริมสตาร์ทอัปให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ล่าสุดเปิดโครงการรอบใหม่ “DVAb1” แล้ว ตั้งแต่วันนี้ – 15 กรกฎาคมนี้
นายอรพงศ์ เทียนเงิน ประธานกรรมการบริหารบริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า “สตาร์ทอัปที่เข้าร่วมโครงการนอกจากจะประสบความสำเร็จอย่างสูงแล้ว ยังได้รับโอกาสร่วมงานกับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ของธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อต่อยอดธุรกิจด้วย อาทิ OneStockHome สตาร์ทอัปที่สร้างแพลตฟอร์มการซื้อวัสดุก่อสร้างออนไลน์ ซึ่งได้รับการต่อยอดธุรกิจจากเครือซีเมนต์ไทย หรือ Seekster ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันหางานด้านบริการสำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SME ได้รับการต่อยอดจาก อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และ PetInsure สตาร์ทอัปเอาใจคนรักสัตว์ด้วยการทำประกันภัยออนไลน์ให้กับสัตว์เลี้ยง
ซึ่งการเติบโตของสตาร์ทอัปเหล่านั้นพบว่า PetInsure มีลูกค้าเติบโตขึ้น 45 เท่า (ข้อมูลในช่วง ต.ค. 2559 – มี.ค. 2560) ขณะที่ Seekster เติบโตเพิ่มขึ้น 77% (ข้อมูลในช่วง พ.ย.59 – เม.ย. 60) โดยสาเหตุของการเติบโตอย่างต่อเนื่องคาดว่ามาจากการที่ DVA ได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญในหลายสาขาวงการ ทั้ง Baker & McKenzie, PrimeStreet, Microsoft ฯลฯ คอยให้คำแนะนำนั่นเอง
ด้านนายชาล เจริญพันธ์ Head of Accelerator บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า “เราต้องพัฒนาผู้ประกอบการมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา เราได้ไปโรดโชว์ที่อิสราเอลมา พบว่าอิสราเอลเป็นประเทศที่มีประชากรค่อนข้างน้อยประมาณ 6 – 7 ล้านคน แต่จุดแข็งเขาคือมีสตาร์ทอัปเยอะมากต่อจำนวนประชากร คือ 4,500 ราย ทำให้เมื่อคิดเป็นค่าเฉลี่ยแล้ว อิสราเอลคือประเทศที่มีสตาร์ทอัปต่อจำนวนประชากรสูงที่สุด”
ในจุดนี้คุณชาลมองว่า “ความเข้มแข็งของประเทศในยุคดิจิทัลนั้นอยู่ที่ผู้ประกอบการ ถ้าผู้ประกอบการเราเข้มแข็งเท่าไร ประเทศก็จะเข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น ปัจจุบัน เราตามหลังสิงคโปร์ ฮ่องกงสัก 5 ปี ซึ่งถ้าเราไม่ Slow – Down เราก็คงจะตามเขาได้ทันในที่สุด แต่จะทำอย่างนั้นได้ ทุกภาคส่วนตัองช่วยกัน เพราะสิ่งที่เราตามหลังเขาหลัก ๆ คือความรู้ด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็น Gap ที่ใหญ่มาก”
“ทุกวันนี้ปัญหาของธุรกิจสตาร์ทอัปไทยคือไม่มี Developer คิดได้แต่ไม่มีคนทำ ซึ่งตรงนี้เราไม่ได้้เริ่มกันมาตั้งแต่แรกตั้งแต่ระบบการศึกษา ส่วนความคิดสร้างสรรค์เราไม่ได้เป็นรองใคร เพียงแต่คิดแล้วหาคนมาทำไม่ได้เท่านั้นเอง นั่นจึงเป็นความท้าทายว่าเราจะดึงดูดคนที่มีความสามารถเข้ามาได้อย่างไร”
“อีกส่วนหนึ่งที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติมคือการบริหารเงิน เพราะน้อยคนจะมีความรู้ด้านการเงิน หลังบ้านของสตาร์ทอัป หรือแม้แต่ธุรกิจ SME จึงค่อนข้างเละเทะ จำเป็นที่เราจะต้องเสริมความรู้ทางการเงินให้ ซึ่งที่ต่างประเทศเองก็มีปัญหานี้เช่นกัน”
ทั้งนี้ ความโดดเด่นของ DVAb0 นั้น คือการที่ทีมที่ได้รับคัดเลือก 10 ทีมจะได้รับเงินทุนตั้งต้นทีมละ 300,000 บาท เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ และในระหว่างที่อยู่ในโครงการ 6 เดือนเต็ม ก็จะได้รับความรู้ต่าง ๆ จากหลักสูตรที่ได้ออกแบบมา โดย 3 เดือนแรกจะปูพื้นฐานความรู้ที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจให้แน่น ด้วย Startup Essential Program โดยคุณสุรวัฒน์ พรหมโยธิน ความรู้ด้านกฎหมายโดย Baker & McKenzie และความรู้ด้านการเงินโดย PrimeStreet Advisory ส่วนในช่วงสามเดือนหลังจะมีโปรแกรม Growing Hacking พร้อมทีมเมนทอร์ที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษมาให้คำปรึกษาแบบทีมต่อทีม อีกทั้งยังมีโอกาสได้รับเงินลงทุนจากธนาคารไทยพาณิชย์ขั้นต่ำ 1 ล้านบาทหลังจากจบโครงการด้วย
สำหรับธุรกิจรายใดที่สนใจเข้าร่วมโครงการ DVAb1 ทาง Digital Ventures เผยว่าได้เริ่มเปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 15 กรกฎาคม 2560 ที่เว็บไซต์ www.dv.co.th/DVA และสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/DigitalVenturesTH
เมื่อถามถึงความคาดหวังจากทีมที่จะผ่านเข้ารอบในปีนี้ คุณชาลกล่าวว่า “คาดหวังว่าทีมที่เข้ามาในปีนี้จะเติบโตได้เร็วกว่า batch แรก และการแข่งขันน่าจะมันกว่าเดิม”