การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมแล้ว ยังส่งผลต่อการเปิดตัวภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ของ Disney และธุรกิจโรงภาพยนต์อีกด้วย
โดยกำหนดการเปิดตัว ‘Star Wars’ และ ‘Avatar’ ที่วางกำหนดการไว้ในปี 2021 และ 2027 ถูกเลื่อนออกไปอีก 1 ปี นั่นหมายความว่าจะไม่มี ‘Avatar 2’ ในปีหน้าและไม่มี Star Wars ภาคใหม่ในปี 2027
นอกจากนี้ ‘ดิสนีย์’ ยังประกาศว่า มู่หลาน (Mulan) ซึ่งถูกกำหนดเปิดตัวในวันที่ 21 สิงหาคมได้ถูกถอดออกจากปฏิทิน และบริษัทยังไม่มีกำหนดวันจำหน่ายใหม่ ซึ่งมีการล่าช้ามาตั้งแต่เดือนมีนาคมเนื่องจากการระบาดของไวรัส
การนำ มู่หลาน ออกจากกำหนดการสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่กำลังพยายามกลับมาเปิดบริการอีกครั้ง ที่ต้องการภาพยนต์ฟอร์มยักษ์หลายๆ เรื่องมาดึงดูดแฟนหนัง เพื่อเร่งการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมภาพยนต์
อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ผลิตภาพยนตร์อย่างดิสนีย์ นำ ‘มู่หลาน’ ออกจากกำหนดการและเลื่อนการเปิดตัวภาพยนตร์เฟรนไชน์ที่ใหญ่ที่สุดอันดับต้นๆ ของโลกอย่าง ‘Star Wars’ และ ‘Avatar’ เกิดจากการประเมินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านรายได้ให้มากที่สุด
ทั้งนี้ ธุรกิจโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกยังไม่มีกำหนดการเปิดโรงภาพยนต์ และจีนตลาดอันดับสองมีกำหนดเปิดบริการในสัปดาห์นี้ (20 ก.ค.)