เป็นแอปพลิเคชันที่มีการใช้งานสูงมากในปัจจุบันกับ FaceApp ที่สามารถเปลี่ยนภาพถ่ายใบหน้าของผู้ใช้งานได้หลายแบบ ทั้งให้ดูมีอายุขึ้น ปรับใบหน้าให้สวยหรือหล่อขึ้น รวมถึงเปลี่ยนเพศไปเป็นเพศตรงข้าม
https://twitter.com/tweeterrance/status/854766266094985216/photo/1
จากการเปิดเผยของผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ FaceApp อย่าง Yaroslav Goncharov เผยว่า การทำงานของ FaceApp นั้นเป็นการใช้ Neural Networks ในการสร้างภาพใบหน้า ยกตัวอย่างเช่น การสร้างภาพรอยยิ้มที่เหมือนจริงนั้น เบื้องหลังเป็นเทคนิคที่ยากมาก เพราะไม่ใช่แค่การสร้างภาพบริเวณมุมปากเท่านั้น แต่มันหมายถึงการเปลี่ยนแปลงใบหน้าทั้งหมด
วิธีการใช้งาน FaceApp นั้นเพียงถ่ายเซลฟี่ของใบหน้าตัวเอง หรือจะใช้ภาพถ่ายในกล้องดิจิตอลก็ได้ และแอปพลิเคชันจะมีฟิลเตอร์เพื่อปรับแต่งภาพใบหน้านั้นให้ ยกตัวอย่างเช่น การปรับอายุให้แก่ขึ้น หรือเด็กลง การเปลี่ยนเพศให้เป็นเพศตรงข้าม การปรับภาพใบหน้าโดยสร้างรอยยิ้มให้ (ในกรณีที่ถ่ายมาแล้วหน้าบึ้ง) การใช้ฟิลเตอร์ชื่อ Flash ที่ทำให้ผิวสว่างขึ้น และดูเรียบเนียน มากไปกว่านั้นก็ยังมีฟิลเตอร์ชื่อ Hot ที่ผู้ใช้งานบางส่วนพบว่ามันพยายามเปลี่ยนสีผิวพวกเขาให้ขาวขึ้น
https://twitter.com/RealMoseby96/status/855165277985804289/photo/1
การปรับเปลี่ยนใบหน้าของ FaceApp นี้ได้จุดกระแสดราม่า โดยมีกลุ่มผู้ใช้งานผิวสีพบว่า แอปพลิเคชัน FaceApp ในโหมด Hot พยายามจะเปลี่ยนสีผิวของพวกเขาให้ขาวขึ้น และบางครั้งผลที่ได้กลับเป็นการได้สีผิวใหม่ที่ดูหลอกตาอย่างมาก ซึ่งนั่นทำให้หลายคนไม่รู้สึกพึงพอใจ ที่แอปพลิเคชันมองว่าการได้รับความนิยม หรือความงามนั้นคือการต้องมีผิวสว่างสดใส
เมื่อ FaceApp ได้รับทราบถึงกระแสดราม่าดังกล่าวก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อฟิลเตอร์ดังกล่าวเป็น Spark แต่ในเวลาต่อมาก็ได้ตัดฟิลเตอร์นี้ทิ้ง ซึ่งซีอีโอได้ออกมาแสดงความเสียใจ และอธิบายว่าเป็นผลข้างเคียงของการใช้ Neural Network ที่ทำให้ระบบเกิดความเข้าใจผิด และตีความว่าความสวยงามคือการมีผิวขาวนั่นเอง
อย่างไรก็ดี ทาง FaceApp ก็ได้แสดงความเสียใจในเรื่องของชุดข้อมูลที่ใช้ในการเทรน Neural Networks ด้วยว่า อาจมีความหลากหลายน้อยเกินไป จนทำให้ระบบไม่ได้รับข้อมูลเพียงพอที่จะเข้าใจคำว่า Beauty ได้อย่างถ่องแท้
“อย่างน้อยเราก็รู้สึกขอบคุณที่ทำให้เราเห็นถึงปัญหาของการลำเอียงของอัลกอริธึมที่มีผลกระทบในการใช้งานจริง”
จากสถานการณ์นี้ สิ่งหนึ่งที่ FaceApp ทำได้ดีคือการตอบรับกับความต้องการของผู้ใช้งานและออกมาขอโทษอย่างจริงใจ รวมถึงมีการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์อย่างฉับไวมากนั่นเอง
ที่มา: Washington Post