เป็นสองสัปดาห์ที่ดุเดือดจริง ๆ สำหรับตลาดโทรคมนาคมบ้านเรา เนื่องจากมีการแลกหมัดกันไปมาอย่างต่อเนื่องของค่ายผู้ให้บริการ ล่าสุดเป็นการออกมาของ DTAC ที่บอกว่า พร้อมแล้วสำหรับการก้าวสู่แบรนด์ดิจิทัลอันดับ 1 ของประเทศ พร้อมดึงแนวคิดการทำธุรกิจที่แตกต่างในชื่อ “FLIP IT – แค่พลิก ชีวิตก็ง่าย” บอกลาข้อจำกัดเดิม ๆ ด้วยการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบ “ไม่อั้น” บนโครงข่ายของ DTAC Super4G
แนวคิดด้านการให้บริการ และการออกแบบแพกเกจใหม่ให้แตกต่างจากของเดิมอาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคิด หรือทำขึ้น ยิ่งในสถานการณ์การแข่งขันที่ดุเดือดเช่นนี้ ผู้ให้บริการต่างก็หวังที่จะช่วงชิงความได้เปรียบตลอดเวลา แต่ DTAC อาจมองเห็นช่องว่างใหม่ ๆ หลังจากส่งผู้บริหารระดับสูงลงไปขับรถ Uber รับส่งผู้โดยสาร และนั่นทำให้ DTAC ได้ทราบข้อจำกัด และความวิตกกังวลของผู้บริโภคในธุรกิจโทรคมนาคมที่ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าค่ายไหนก็เผชิญความกังวลเรื่องนี้เหมือนกันหมด นั่นคือเรื่องของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวจากการใช้งานแพกเกจอินเทอร์เน็ต
นั่นจึงนำไปสู่การพลิกแนวคิด และสร้างแพลตฟอร์มใหม่ อย่าง “FLIP IT – แค่พลิก ชีวิตก็ง่าย” ขึ้นมา จากเดิม เมื่อใช้อินเทอร์เน็ตจนหมดแพกเกจ สปีดก็จะตกลงมาวิ่งที่ระดับมาตรฐานเอื่อย ๆ เฉื่อย ๆ ถ้าไม่จ่ายเงินเพิ่มก็อดทนใช้กันไป หลังจากนี้ไป DTAC ก็ขอพลิกเป็น “อินเทอร์เน็ตแบบไม่ลดสปีด (ไม่มี FUP หรือ Fair Usage Policy) ส่วนบริการอินเทอร์เน็ตแบบมีโควต้า ก็เปลี่ยนเป็น อินเทอร์เน็ตไม่มีวันหมด เรียกว่าเล่นได้ไม่อั้น ซึ่งน่าจะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ได้ดี
หรือกลุ่มที่ชอบโทร เคยได้แพกเกจโทรฟรีแบบมีเงื่อนไข 100 – 500 นาที ต่อจากนี้ DTAC ก็จะพลิกเป็น โทรฟรีทั้งเครือข่าย 24 ชั่วโมง เรียกว่างานนี้ไม่ต้องอั้น ไม่ต้องมีเงื่อนไขใด ๆ กันอีกแล้ว
แพกเกจที่ DTAC เปิดตัวนี้ ถูกนำเสนอในชื่อ “Go โนลิมิต” (ลูกค้ารายเดือน) และ “ซิม Go เพลิน” (ลูกค้าเติมเงิน) หวังให้ผู้บริโภคใช้งานได้อย่างไร้ขีดจำกัด โดย DTAC บอกว่า งานนี้เมื่อใช้ได้ไม่อั้น ไม่ลดสปีด ก็ไม่ต้องแคร์เน็ตบ้าน เรียกได้ว่าแอบกระทบชิ่ง AIS อยู่ในที
การให้ของ DTAC ยังไม่หมดเพียงแค่นี้ เพราะในงานยังมีการเปิดตัวบริการ WiFi Calling ให้ลูกค้า DTAC สามารถใช้สัญญาณ WiFi ในการสื่อสารได้ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลก ยกตัวอย่างเช่น การโทรกลับบ้านของลูกค้า DTAC ในต่างประเทศ หากอยู่ในพื้นที่ให้บริการของ DTAC WiFi ก็สามารถรับสายหรือโทรกลับได้ในอัตราค่าบริการเดิม ไม่ต้องเสียโทรผ่าน Roaming อีกต่อไป
ที่น่าสนใจก็คือ ก่อนหน้านี้บริการ WiFi Calling สามารถรองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนแบบไฮเอนด์เท่านั้น ดีแทค จึงนำเสนอบริการใหม่กับแอปพลิเคชัน DTAC WiFi Calling เพื่อให้ลูกค้าที่ใช้เครื่องนอกเหนือจากรุ่นไฮเอนด์ได้มีประสบการณ์อีกขั้นของเทคโนโลยี 4G ด้วยกัน โดยพร้อมจะให้ลูกค้าดาวน์โหลดมาใช้งานได้บนมือถือทุกรุ่น ทุกยี่ห้อเร็วๆ นี้
ส่วนสุดท้ายคือ DTAC Rewards ที่เพิ่มสิทธิพิเศษให้ลูกค้ามากขึ้น ทั้งกลุ่มSilver, Gold และกลุ่มลูกค้า Blue Member โดยมีพันธมิตรทั่วประเทศกว่า 20,000 แห่งมาจับมือร่วมกัน โดยสิทธิประโยชน์จะมาจากหลายรูปแบบทั้งตั๋วหนังฟรี ส่วนลดค่าขนส่ง ส่วนลดร้านอาหาร
การเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการของ DTAC ในครั้งนี้อาจทำให้หลายคนหวนคิดถึง DTAC เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา ที่ในยุคนั้น ผู้บริโภคกำลังเผชิญกับแพกเกจราคาแพงแบบไร้ทางเลือก บ้างต้องจ่ายค่าโทร.นาทีละ 7 บาทบ้าง 15 บาทบ้าง แต่ DTAC ในยุคนั้นเลือกที่จะเปิดตัวแพกเกจอย่าง Dmax, Dmedium และ Dlite ออกมา และดึงลูกค้าเข้าระบบได้เป็นกอบเป็นกำ
ไม่แน่ว่าในยุคที่อินเทอร์เน็ตคือตัวแปรสำคัญ การ FLIP IT อีกครั้งของ DTAC อาจเป็นแพกเกจถูกที่ถูกเวลาก็เป็นได้