เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา Dtac และ Telenor ได้ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ Dtac Accelerate หวังผลักดันวงการสตาร์ทอัพไทยให้ไปไกลได้ระดับโลก ด้วยเงินทุนมากถึง 100 ล้านบาท
เนื่องจากประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่มีอัตราการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังมีการกระจายตัวของการใช้งานอินเทอร์เน็ตในต่างจังหวัดค่อนข้างต่ำ SigveBrekke, EVP and Head of Asia Operations แห่ง Telenor Group ได้กล่าวถึงการขยายตัวของการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟนในประเทศไทยว่า เนื้อหา และบริการต่างๆ ในประเทศไทยนั้นยังไม่จัดว่าเป็น “Internet For All”
คำว่า “Internet For All” ในความหมายของคุณ Sigve Brekke นั้นหมายถึงการมีบริการ และเนื้อหาผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึง และเข้าใจได้ ทำให้อินเทอร์เน็ตนั้นเป็นที่ของทุกๆ คน และการจะไปถึงจุดนั้นได้ ประเทศไทยต้องมีเนื้อหา และบริการที่สามารถเข้าถึงคนไทยได้เสียก่อน การที่ทาง Telenor เลือกที่จะลงทุนในประเทศไทยนั้นเนื่องจากทาง Telenor นั้นมั่นใจว่าประเทศไทยนั้นจะสามารถเป็นศูนย์กลางวงการสตาร์ทอัพระดับเอเชียได้อนาคต
โดยคุณ Mr. Jon Eddy Abdullah, Chief Executive Officer แห่ง Total Access Communication PLC หรือ Dtac ยังได้เผยอีกว่า “ดีแทคมองเห็นแนวโน้มของการเริ่มต้น Startup Ecosystem ที่กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างสดใส และศักยภาพของประเทศไทยที่จะก้าวไปเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมทางด้านดิจิทัล dtac Accelerate ปีนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการแข่งขันของสตาร์ทอัพ แต่เป็นการสร้างสรรค์ นวัตกรรมทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับระบบ mobile Internet ecosystem ซึ่งมีผู้นิยมใช้ข้อมูลและคอนเทนท์ของไทย และยังมีแอปพลิเคชั่นที่มีแนวคิดใหม่ๆ ที่มาช่วยสร้างสีสันไลฟ์สไตล์และยกระดับคุณภาพชีวิตสำหรับคนไทยมากมายดีแทคจึงได้ประกาศเปิดบริษัทใหม่dtac Accelerate ด้วยเงินลงทุนมูลค่ากว่า 100 ล้านบาทภายใต้กลุ่มธุรกิจ Corporate Strategy and Business Innovation ที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจทางด้าน digital Services ในการสร้างความแตกต่างให้กับดีแทคในตลาด รวมทั้งสร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขันทางธุรกิจได้อย่างมั่นคง”
นอกจากนี้ Mr. AndrewKvalseth, Division Head of Corporate Strategy and Business Innovation แห่ง dtac ยังได้กล่าวถึงรายละเอียดและประเภทของทีมที่พวกเขาจะเปิดรับในปีนี้ ซึ่่งแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ Incubation และ Acceleration
กลุ่ม Incubation นั้นคือกลุ่มที่มีไอเดียแล้วแต่ยังไม่มีผลงาน และยังไม่มีโมเดลทางธุรกิจ และต้องมีเวลาเข้าร่วมอบรมตลอดโครงการ อีกกลุ่มคือ กลุ่ม Acceleration มีผลงานและเริ่มมีโมเดลทางธุรกิจที่ชัดเจน แต่ต้องการปรับปรุง พัฒนาและผลักดันให้ผลิตภัณฑ์เติบโตมากขึ้น โดยในปีนี้จะมีการเปิดรับผลงานที่ความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้คุณกระทิง พูนผล ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องของประเภทผลงานที่เปิดรับในปีนี้ ซึ่งเพิ่มจากปีก่อน ที่เปิดรับแค่ Mobile Application แต่ในปีนี้มีความหลากหลายมากขึ้น ได้แก่ Content, Game, eCommerce, Online Financial Service ฯลฯ
โดยทีมที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับเงินลงทุนมากถึง 5 แสน – 1.5 ล้านบาทในทันที อีกทั้งยังจะได้รับการอบรมจาก Mentor อันเปนบุคคลผู้มีชื่อเสียงในวงการสตาร์ทอัพระดับโลก อย่างเช่น
ที่เห็นทั้งหมดนั้น คุณกระทิงกล่าวว่ายังไม่ใช้ทั้งหมด ยังมีอีกหลายๆ คนที่ทางโครงการยังไม่ได้รับการคอนเฟิร์ม แต่ก็ได้แย้มว่าเป็นกลุ่มคนที่ถ้ามาแล้ว วงการสตาร์ทอัพประเทศไทยจะต้่องสะเทือนอย่างแน่นอน โดยโครงการดังกล่าวนั้นได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรระดับโลก ทั้งในเอเชีย และอเมริกา เช่น Golden Gate Venture ,Cyber Agent Venture และ Blackbox Venture ธุรกิจร่วมทุนจาก ซิลิคอน วัลเล่ย์ สหรัฐอเมริกา
อีกทั้งทีมที่ความพร้อมจนเข้าตา Dtac นั้นยังจะได้รับโอกาสในการเข้าร่วมโครงการ Blackbox Connect ที่ Silicon Valley ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ และเดินทางไป Pitch งาน แก่เหล่า VC ในประเทศสิงคโปร์ และประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
อนึ่งโครงการดังกล่าวนั้นเปิดรับผู้สมัครตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. 57 จนถึงวันที่ 16 เม.ย. 57 ผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานนำเสนอแนวคิด แผนการดำเนินงาน วิธีการใช้งาน การสร้างรายได้ กลุ่มเป้าหมาย ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ โดยกรอกรายละเอียดดังกล่าวที่ dtac.co.th/accelerate
ซึ่งหมดเขตการเปิดรับสมัครจะมีการคัดเลือกผลงาน 15 ทีมแรก ระหว่างวันที่ 17 – 20 เมษายน 2557 หลังจากนั้นจะจัดนำเสนอผลงานในรอบแรก หรือ Pitch day เพื่อคัดเลือกผู้สมัครให้เหลือ 5 ทีมสุดท้ายในวันที่ 22 เมษายน
เริ่มปัจฉิมนิเทศ (Orientation) วันที่ 28 เมษายน เริ่มรับการอบรม intensive boot camp ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนถึงเดือนกรกฎาคม และนำเสนอผลงานรอบสุดท้ายประกาศผลในวัน Demo day ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
ผู้เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้จะเคยผ่านการประกวด หรือได้รับการสนับสนุนจากองค์กรอื่นๆ มาแล้วก็ได้ อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องเป็นบุคคลที่ถือสัญชาติไทยอีกด้วย งานนี้สตาร์ทอัพท่าในสนใจร่วมโครงการก็รีบๆ ระดมสมอง และลองสมัครกันก่อนจะหมดโอกาสร่วมโครงการดีๆ แบบนี้นะคะ