Dubsmash แอปพลิเคชันที่ช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายวิดีโอเซลฟี่ขณะลิปซิงก์เพลงหรือบทภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมมากในอเมริกาขณะนี้กำลังเริ่มรับโฆษณาอย่างจริงจัง ล่าสุด Warner Bros ตัดสินใจโปรโมทภาพยนตร์เรื่องใหม่ผ่านแอปฯ นี้แล้ว คาดว่า Dubsmash จะสามารถเพิ่ม Content ใหม่และขยายตัวอีกมากหลังจากเริ่มความเคลื่อนไหวนี้
รูปแบบโฆษณาที่แอปพลิเคชันสัญชาติเยอรมัน Dubsmash (สำนักงานใหญ่อยู่ที่เบอร์ลิน) เปิดรับคือการทำช่องพิเศษหรือ sponsor channel เพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหา Content ใหม่ได้หลากหลายยิ่งขึ้น โดยให้ชื่อเรียกส่วน Content นี้ว่า Community Moments
ส่วน Community Moments จะทำให้ผู้ใช้สามารถชมวิดีโอที่นอกเหนือจากกลุ่มผู้ใช้ที่เคยเลือกติดตามเป็นเพื่อนมาแล้ว จุดนี้แต่ละช่องหรือ channel จะมีเนื้อหาตามธีมหรือหัวข้อที่แตกต่างกันไป ซึ่งหัวข้อนี้อาจมีบางส่วนที่ถูกลงเป็นโฆษณาอย่างแนบเนียน
Suchit Dash ประธาน Dubsmash เปิดเผยว่าในการเปิดตัวรูปแบบโฆษณาใหม่ครั้งนี้ บริษัท Warner Brothers ได้ตกลงเป็นสปอนเซอร์สนับสนุน channel หนึ่งเพื่อโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง Storks ที่กำลังเตรียมชนโรงเดือนกันยายนนี้ โดยโฆษณานี้จะเป็น Content เสียงหรือ audio content เพื่อให้ผู้ใช้ติดหรือ tie in ในวิดีโอของแต่ละคน
รูปแบบการลงโฆษณาในรูป Content เสียงนี้ถูกมองว่าจะเป็นโอกาสงามของบริษัทกลุ่มบันเทิงหรือ Entertainment company ที่จะสามารถทราบว่าชุมชนคนออนไลน์นั้นรับเอา Content นั้นไปต่อยอดในรูปแบบที่น่าสนใจเพียงไร
เบื้องต้น Dubsmash ที่มีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 100 ล้านคนจะเปิดให้ผู้ใช้ทั้งบน iOS และ Android สามารถใช้งานคุณสมบัติ Community Moment ได้พร้อมกัน โดยทุกคนสามารถส่งวิดีโอของตัวเองขึ้นสู่ระบบได้อย่างเสรี เพื่อให้ทีมบรรณาธิการของ Dubsmash เลือกวิดีโอที่ถูกเรียกว่า “dubs” ขึ้นมาเป็น highlight เด่นในแต่ละ channel
ความน่าสนใจของข่าวนี้คืออนาคตที่สดใสของ Dubsmash นั้นกำลังฉายรัศมีในวงการโฆษณาโลก เพราะ Dubsmash การันตีว่าผู้ใช้มีอัตรา engagement กับแอปฯ สูงมาก ค่าเฉลี่ยของการชม dub หรือวิดีโอของตัวเองนั้นอยู่ที่ระหว่าง 5 ถึง 10 ครั้ง ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่แบรนด์จะได้ตอกย้ำสารเพื่อสื่อระหว่างการประชาสัมพันธ์
ความคิดเห็นของกองบรรณาธิการ: เท่าที่เราเข้าไปดู บ้านเราเริ่มมีผู้ใช้เข้าไปลองแล้วแต่ยังเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ว่าแต่ละคลิปก็มีคนดูเยอะเหมือนกันนะครับ โดยเฉพาะคลิปวัยรุ่นเต้นประกอบเพลง บางคลิปมีคนดูเฉียดล้าน แต่มันดันออกมาอยู่บน YouTube นี่สิ
ที่มา: Adweek