ถึงหน้าทุเรียนเมื่อไหร่ตลาดดินแดงแถวบ้านผมจะมีร้านทุเรียนผุดขึ้นมาเยอะจนน่าตกใจ
ถ้าลองนับจำนวนร้านเล่นๆ จากต้นยันท้ายตลาดคงมีร้านขายทุเรียนไม่ต่ำกว่าสิบร้าน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเป็นร้านขายทุเรียน แม่ค้าพ่อขายที่เป็นเจ้าของร้านก็มักเป็นคนไม่คุ้นหน้าของคนในชุมชนแถวนี้ เป็นคนขาจรที่เข้ามาเช่าพื้นที่ตลาดขายเมื่อหมดหน้าก็เลิกไปทำอาชีพอื่น
การเลือกซื้อทุเรียนสำหรับชาวดินแดงจึงเป็นศิลปะและความตื่นเต้นอย่างหนึ่ง เพราะการกินทุเรียนสักลูกนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ คน 10 คนก็ชอบทุเรียน 10 แบบ ไหนจะเรื่องพันธุ์ ก้านยาว หมอนทอง ชะนี ไหนจะเรื่องความสุกดิบ เนื้อกรอบ กำลังกิน เนื้อนิ่ม กรอบนอกนุ่มใน ไหนจะราคาต่อผลที่แพงหูฉี่ ที่สำคัญทุเรียนยังเป็นผลไม้ที่มองจากภายนอกแล้วเดาไม่ออกจริงๆ ว่าเนื้อข้างในเป็นอย่างที่เราต้องการหรือเปล่า มีแต่คนขายที่มีความรู้เท่านั้นที่สามารถเคาะป็อกๆ แล้วบอกได้ว่าทุเรียนผลนี้ “กำลังกิน” สำหรับลูกค้า
การซื้อ/ขายทุเรียนเลยเป็นเหมือนสงครามจิตวิทยาอย่างหนึ่ง เพราะคนขายเองก็ไม่รู้ว่ารสนิยมการกินทุเรียนของลูกค้าแต่ล่ะคนเป็นอย่างไร ผ่าทุเรียนออกมาก็กลัวลูกค้าวีนเหวี่ยงไม่ยอมเอาของ ส่วนลูกค้าก็กลัวถูกคนขายย้อมแมวเอาของไม่ดีของเน่ามาขาย จะเลือกซื้อแต่ล่ะครั้งเลยต้องงัดข้อกันจนเหนื่อย
กระนั้น ท่ามกลางบรรยากาศสงครามทุเรียนอันคุกรุ่นเช่นนี้ เราจะมีพ่อค้าแม่ขายทุเรียนเพียงหยิบมือที่เอื้อมถึงสถานะเซเลบประจำวงการ หน้าทุเรียนเมื่อไหร่ทุกคนจะเดินหาแต่เจ้าเซเลบเพื่อได้ลิ้มลองรสชาติทุเรียนคุณภาพเยี่ยม
…และหนึ่งในรายชื่อเซเลบทุเรียนประจำตลาดดินแดงก็ต้องมีชื่อของ เจ๊เล็ก อยู่เป็นแน่แท้
เจ๊เล็กเป็นสาวร่างกะทัดรัดวัยกลางคน ผิวดำแดงออกคล้ำนิดๆ บ่งบอกว่าเป็นคนสู้งาน กล้ากรำแดดกรำฝนไม่กลัวดำ ดิสเพลย์ของร้านแกเรียงทุเรียนลงบนถาดใหญ่ๆ บนโต๊ะ ด้านหลังเป็นรถกระบะติดป้ายร้านนัยว่าเราขนทุเรียนมาจากต่างจังหวัดจริงๆ พร้อมกับลูกน้องสองคนที่คอยช่วยหยิบจับ
แต่สิ่งที่จัดว่าเป็นไฮไลท์ของร้านเจ๊เล็กจริงๆ คือกลยุทธ์การขายทุเรียนของแก ใครเดินผ่านไปผ่านมาจะต้องหยุดดูแผงขายของเจ๊เล็กทุกคนเพราะมันมีบรรยากาศเหมือนงานประมูลย่อมๆ เจ๊เล็กจะหยิบทุเรียนขึ้นมาเคาะป็อกๆ สองสามครั้งก่อนประกาศว่าทุเรียนลูกนี้เนื้อเป็นยังไง ความสุกขนาดไหน และจะสนนราคาต่อกิโลเท่าไหร่ ใครพอใจก็รีบยกมือและโยนให้ลูกมือช่วยผ่าทันที ที่น่าอัศจรรย์ใจมากสำหรับผมคือทุเรียนทุกลูกผ่าออกมาแล้วมีลักษณะอย่างที่แกบอกไว้จริงๆ
ที่สุดไปกว่านั้นคือหากแกเคาะทุเรียนแล้วย่นคิ้ว ก็เป็นสัญญาณแสดงว่าทุเรียนในมือไม่เน่าก็คงเนื้อไม่ดี จังหวะนั้นแกจะตะโกนออกมาเสียงดังว่า “เน่า” ก่อนโยนทุเรียนผลนั้นลงขยะอย่างไม่ใยดี ท่ามกลางเสียงโห่ร้องชื่นชมของลูกค้าหน้าร้าน
การขายที่เหมือนงานประมูลทุเรียนของเจ๊เล็กนี้จะดำเนินไปแค่ราว 2-3 ชั่วโมงต่อวัน และทุเรียนจำนวนไม่เกิน 50 ลูกเหล่านั้น ก็จะถูกขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว ไม่มีเสียงต่อราคาแม้แต่บาทเดียวจากลูกค้า ทุกคนยอมรับและยอมซื้อทุเรียนทุกลูกที่ตัวเองประมูลได้โดยไม่เกี่ยงว่าเมื่อชั่งน้ำหนักออกมาจะราคาเท่าไหร่
การขายของเจ๊เล็กทำให้ผมย้อนกลับไปทบทวนว่า ฤา การตลาดยุค 4.0 นั้นจะไม่มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างที่เราจินตนาการ เราไม่จำเป็นต้องใช้สารพัดเทคนิคเพื่อล่อลวง ดึงดูดให้ลูกค้าซื้อสินค้าของเราให้มากที่สุด เพียงเพื่อสุดท้ายพวกเขาจะผิดหวัง อกหัก รู้สึกโดนหลอกและพาลเกลียดแบรนด์ของเราไป ความจริงใจและความซื่อสัตย์คือการตลาดชั้นเยี่ยมที่โอบกอดให้ลูกค้ายุคดิจิทัลรักคุณ และหวนกลับมาที่ “แผง” ของคุณทุกครั้งที่เปิดร้าน