ในยุคที่อีคอมเมิร์ซกลายเป็นกระแสที่เฟื่องฟูอย่างมากในตลาดโลก รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิ่งหนึ่งที่ผู้ค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต้องการให้เกิดขึ้นมากที่สุดก็คือการเปลี่ยนจากผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ไปเป็น “ลูกค้า” ให้ได้นั่นเอง ซึ่งในขั้นตอนสำคัญที่สุดอย่างการจ่ายเงินนั้น ได้มีการสำรวจจาก creditcards.com พบว่า ปัจจุบันผู้บริโภคนิยมจ่ายด้วยบัตรเครดิตมากกว่าบัตรเดบิต แม้จะเป็นการสั่งซื้อสินค้าที่ราคาไม่แพงมากก็ตาม
แม้การสำรวจจาก creditcards.com จะเป็นตัวเลขในสหรัฐอเมริกา แต่เราก็เชื่อว่ามีหลายอย่างที่น่าสนใจและใกล้เคียงกับพฤติกรรมผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่แพ้กัน โดย creditcard.com พบว่า มีผู้บริโภคที่ใช้บัตรเครดิตในการชำระค่าสินค้าแม้จะมีราคาไม่ถึง 5 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 173 บาท) มากถึง 17 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 11% มาพอสมควร ขณะที่การจ่ายด้วยเงินสดนั้นอยู่ที่ 55% และการจ่ายด้วยเดบิตการ์ดอยู่ที่ 24% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงจากเดิมทั้งคู่
โดยกลุ่มที่จ่ายด้วยบัตรเครดิตแม้จะเป็นเงินเพียงเล็กน้อยนั้นคือกลุ่ม Millennials และ Gen X ซึ่งยังพบด้วยว่า กลุ่ม Millennials นั้นแทบจะปฏิเสธการจ่ายด้วยเงินสดกันเลยทีเดียว ขณะที่กลุ่มที่จ่ายด้วยเงินสดนั้น หลัก ๆ ยังคงเป็นกลุ่ม Baby Boomer ที่ครองตำแหน่งไว้อย่างเหนียวแน่นถึง 70% รองลงมาคือกลุ่มที่อายุต่ำกว่า 53 ปีที่ 43%
ด้านนักวิเคราะห์ของ CreditCards.com อย่าง Matt Schulz เผยว่า เหตุที่มีการใช้เครดิตการ์ดมากขึ้นแม้จะเป็นการซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คือการได้สะสมแต้มเพื่อนำไปแลกสิทธิพิเศษต่าง ๆ ซึ่งในจุดนี้ เดบิตการ์ดไม่มี
นอกจากนี้ การสำรวจยังพบว่า ในกลุ่มผู้ที่มีการศึกษาและรายได้สูงนั้น (สูงกว่า 50,000 เหรียญสหรัฐต่อปีหรือประมาณ 1,731,000 บาท) มักมีการซื้อสินค้าราคาแพงกว่า 500 เหรียญสหรัฐผ่านเครดิตการ์ดถึง 62% (คือถึงแม้ตนเองจะมีกำลังจ่ายด้วยเงินสดแต่ก็จะจ่ายด้วยเครดิตการ์ดแทน) ขณะที่คนที่มีรายได้ไม่ถึง 50,000 เหรียญสหรัฐต่อปีกลับใช้เครดิตการ์ดซื้อของราคาแพงเพียง 42% เท่านั้น ซึ่งในจุดนี้เห็นได้ชัดว่าเรื่องของคะแนนสะสมเป็นสิ่งที่ทำให้เครดิตการ์ดได้เปรียบการจ่ายเงินด้วยวิธีอื่น ๆ อย่างมาก
ที่มา: CreditCard.com