มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบอนุมัติ 3 โครงการ โดยมีวัตถุประสงค์ในการบรรเทาค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อย รวมถึงเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่
- โครงการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน คนละ 1,500 บาท
- โครงการคนละครึ่ง กระตุ้นค่าใช้จ่ายโดยประชาชนออกครึ่งหนึ่งและรัฐบาลออกอีกครึ่ง (Co-pay)
- โครงการช้อปดีมีคืน กระตุ้นการบริโภคประชาชนประเทศในกลุ่มที่เสียภาษี โดยคืนภาษีสูงสุด 30,000 บาทมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ทั้งนี้ เงื่อนไขสำคัญของการรับสิทธิ์ของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั้ง 3 โครงการ คือสามารถเลือกเข้าร่วมได้เพียง 1 มาตรการเท่านั้น
มาตรการ ‘คนละครึ่ง’ หรือ ‘ช้อปดีมีคืน’
สำหรับประชาชนทั่วไปเลือกได้เพียงมาตรการคนละครึ่ง หรือช้อปดีมีคืนเท่านั้น ทำให้ต้องศึกษาเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์อย่างถี่ถ้วน โดยแต่ละมาตรการมีรายละเอียดดังนี้
คนละครึ่ง
คุณสมบัติ
- สัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป
- ไม่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- จำนวน 10 ล้านคนหรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด
การลงทะเบียน
ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ คนละครึ่ง.com
สิทธิประโยชน์
- รัฐช่วยจ่ายสินค้าค่าอาหารเครื่องดื่ม ให้ 50%
- คนละ 3,000 บาทจำกัดสิทธิ์ไม่เกิน 150 บาทต่อวัน
- ชำระเงินผ่านแอปเป๋าตัง
สามารถใช้จ่ายกับอะไรได้บ้าง
- สินค้าอาหารเครื่องดื่มกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
(ยกเว้นล็อตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และบริการ)
ระยะเวลาในการใช้จ่าย
- 23 ตุลาคม 2563 – 31 ธันวาคม 2563
เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี
- ผู้ซื้อสินค้าจากร้านค้าขนาดเล็กตลาดหรือร้านโชห่วย
- มีค่าลดหย่อนภาษีในส่วนอื่นๆ เพียงพอแล้ว
ช้อปดีมีคืน
คุณสมบัติ
- ผู้เสียภาษีปี 2563
- ไม่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
การลงทะเบียน
ไม่ต้องลงทะเบียน ใช้ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ
สิทธิประโยชน์
- ได้เงินคืนสูงสุด 10,500 บาท
สามารถใช้จ่ายกับอะไรได้บ้าง
- สินค้าและบริการทั่วไปที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
- สินค้า OTOP
- หนังสือ ทั้งแบบเล่ม และอิเล็กทรอนิกส์ (E-Book)
- (ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ค่าน้ำมัน ค่าที่พัก ตั๋วเครื่องบิน)
ระยะเวลาในการใช้จ่าย
- 23 ตุลาคมถึง 31 ธันวาคม 2563
เหมาะกับใคร
- เหมาะกับผู้ที่มีรายได้สุทธิเกิน 500,000 บาทขึ้นไป
- ซื้อของในห้างที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าราคาเพิ่ม
- ผู้ที่ต้องการซื้อของราคามากกว่า 30,000 บาท