PayPal ที่ถือเป็นหน่วยงานหนึ่งของ eBay ได้ยื่นจดสิทธิบัตรกลไกการชำระเงินออนไลน์ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และได้รับอนุมัติภายในเดือนธันวาคม คาดว่าจะเป็นกลไกที่เปิดให้ลูกค้าสามารถใช้ซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องมีการเปิดบัญชีการชำระเงินในฐานะผู้ให้บริการอีกแล้ว
ในตัวสิทธิบัตรได้มีการระบุไว้ว่า “ผู้รับ(สกุลเงินใหม่)สามารถใช้เงินหรือ token นี้ในการซื้อสินค้าและจ่ายผ่านช่องทางที่รับชำระได้เลย โดยไม่ต้องบังคับให้ผู้ซื้อต้องสร้างบัญชีเพื่อชำระเงินของตัวเองขึ้นมาใหม่” ซึ่งแม้ในสิทธิบัตรจะระบุไว้ว่าจุดประสงค์หลักของกลไกใหม่นี้จะมีเพื่อให้ลูกค้าใช้เพื่อส่งของขวัญให้กัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว token นี้สามารถที่จะใช้เป็นเงินสกุลใหม่ได้แม้กระทั่งบนเว็บต่างๆ นอกเหนือจาก eBay โดยมีผู้ให้บริการเป็น PayPal นั่นเอง ซึ่งรูปแบบของบริการดังกล่าวนี้จะชนกับ Bitcoin และสกุลเงินออนไลน์อื่นๆ ที่กำลังดังโดยตรง
ผู้บริหารของ PayPal ได้ให้ความเห็นว่ากลไกทางการเงินใหม่นี้ยังไม่น่าจะถูกนับเป็นสกุลเงินใหม่ ด้วยความที่ตัวมันมีความผันผวนทางมูลค่ามากเกินกว่าที่จะใช้ในรูปแบบของสกุลเงินได้ แต่หาก PayPal ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวกลไกการชำระเงินใหม่นี้ บริษัทจะเดินตามรอย Amazon ที่เปิดตัว Amazon Coins ในปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจาก Amazon แล้ว Facebook เองก็เคยมีแนวคิดเรื่อง Facebook Credits ก่อนที่จะพับไปในเดือนมิถุนายน 2012
ความเห็นผู้แปล
ส่วนตัวแล้วผมไม่แปลกใจถ้า PayPal จะอยากสร้างสกุลเงินใหม่ของตัวเอง ด้วยเหตุผลบางประการ เช่น ความนิยมใน Bitcoin ที่สร้างปรากฏการณ์ทำมูลค่าทะลุ 1,000 เหรียญ หรือกว่า 32,000 บาทต่อ coin ได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ (จากเดิมที่วิ่งอยู่ต่ำกว่า 250 เหรียญ) ซึ่งถือเป็นการดึงดูดเม็ดเงินมหาศาลมาจากทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในกลุ่มนักลงทุนกลุ่มเล็กๆ ในประเทศไทยของเราเอง
ราคา Bitcoin ทะลุ 1,000 เหรียญต่อ coin ภาพประกอบจาก Business Insider
และแนวโน้มที่ virtual currency ประเภทนี้ยังได้รับความนิยมและมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมาก ทำให้ร้านค้าและแบรนด์ต่างๆ เริ่มหันมาเปิดรับ Bitcoin ประหนึ่งเป็นเงินสกุลใหม่ไปแล้ว ตัวอย่างเช่น Virgin Galactic หรือแม้แต่ Baidu ที่เคยเปิดรับก่อนที่จะโดนรัฐบาลจีนห้าม และในอนาคตอันใกล้ก็ยังมีอีกหลายผู้ให้บริการที่เตรียมเปิดรับ Bitcoin เช่นเว็บ overstock.com
ร้านค้าและแบรนด์ต่างๆ เริ่มหันมารองรับ Bitcoin ในฐานะเงินสกุลใหม่ ภาพประกอบจาก Vancouver Homes
ด้วยความนิยมและการเปิดรับดังกล่าว ทำให้ PayPal ไม่สามารถอยู่นิ่งได้เพราะสกุลเงินออนไลน์นี้จะกลายมาเป็นคู่แข่งในการรองรับธุรกรรมต่างๆ อย่างแน่นอน ดังนั้น PayPal จึงต้องออกมาพัฒนาสกุลเงินของตัวเองเพื่อต่อสู้และรุกสู่พื้นที่ทางธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต รวมถึงเปิดให้เป็นพื้นที่สำหรับการลงทุนดังที่ Bitcoin เปลี่ยนชีวิตกลุ่มนักเสี่ยงในปี 2013 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี สกุลเงินออนไลน์หรือ virtual currency ยังมีความท้าทายอีกมากมายรออยู่ โดยเฉพาะในแง่ของกฎหมายและการควบคุมของหน่วยงานที่มีเงื่อนไขแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ดังเช่นที่รัฐบาลจีนได้ออกมาระงับความเคลื่อนไหว แต่ในที่สุดแล้ว ส่วนตัวผมเชื่อว่าสกุลเงินเหล่านี้จะหาทางปรับตัวเพื่อเข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน และความท้าทายจะตกไปอยู่ที่สกุลเงินทั่วไปและหน่วยงานควบคุมธุรกรรมเหล่านี้แทน
สิ่งที่น่าสนใจอีกข้อที่น่าจับตาคือกรณีที่ Bitcoin ถูกออกแบบมาให้ไม่สามารถทำให้เกิดการโกงได้ด้วยอัลกอริธึมที่แข็งแกร่ง ทำให้สกุลเงินออนไลน์มีความน่าเชื่อถือสูงกว่าสกุลเงินทั่วไปในปัจจุบัน แต่ความผันผวนในมูลค่ายังเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก ดังนั้นความท้าทายเหล่านี้น่าจะยังอยู่ไปอีกสักพักจนกว่าตลาดจะเติบโตพอที่จะรู้วิธีในการควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เรื่องสกุลเงินออนไลน์ยังเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องติดตามกันอีกยาวเลยครับ
ที่มา: Mashable