วันนี้ขอนำรายงานจากฝั่งอังกฤษมาให้ชาว thumbsup ได้อ่านกันค่ะ จากรายงานของ Criteo ที่ได้รวบรวมข้อมูลทางการตลาดโดยใช้ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีเผยว่า กว่าครึ่ง (48.9%) ของการทำธุรกรรมทางการเงินของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอังกฤษนั้น เกิดขึ้นผ่านทางมือถือ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 6% จากปีต่อปี เห็นแบบนี้แล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเพิ่มช่องทางการโอนเงินผ่านทางมือถือนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญ
เพราะมือถือได้เข้ามามีบทบาทต่อแวดล้อมธุรกิจรีเทลมากขึ้นในประเทศอังกฤษ ข้อมูลล่าสุดจาก Criteo ได้กล่าวถึงการสำรวจร้านค้าที่มุ่งการใช้มือถือเป็นศูนย์กลาง และขั้นตอนที่ธุรกิจในอังกฤษควรจะนำมาใช้เพื่อความสำเร็จอันสูงสุด :
- iPhone ได้กระโดดข้าม iPad มาเป็นเครื่องมืออันดับแรกของการทำธุรกรรมบนมือถือ โดย 19% ของการทำธุรกรรมทางการเงินสำหรับบริษัทอีคอมเมิร์ซสัญชาติอังกฤษเกิดขึ้นบน iPhone ซึ่งเพิ่มมากขึ้นถึง 7% ในปีถัดจากการเปิดตัว Apple Pay
- 4 ใน 10 (39%) ของการทำธุรกรรมอีคอมเมิร์ซในอังกฤษถูกผูกกับหลากหลาย device ในกระบวนการการซื้อ
- ธุรกิจรีเทลที่มีความล้ำหน้าในการทำธุรกรรมทางมือถือมากที่สุด คือ ธุรกิจแฟชั่นและสินค้าฟุ่มเฟือย โดย 55% ของการทำธุรกรรมอีคอมเมิร์ซเกิดขึ้นผ่านมือถือ
- แอปได้ผลักดันการทำธุรกรรมผ่านทางมือถือมากขึ้น โดยมีสัดส่วน 65% ของการทำธุรกรรมเกิดขึ้นบนมือถือ และอีก 35% เกิดขึ้นบนเว็บไซต์
การค้นพบนี้มาพร้อมกับรายงานอันใหม่จาก Ovum’s Principal Analyst ที่เขียนโดย Eden Zoller ได้สำรวจแนวโน้มการทำธุรกิจของรีเทลในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยเทคโนโลยีจะมีอิทธิพลมากที่สุด และเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่คุณค่าซึ่งจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็จะทำให้ขอบเขตระหว่างออฟไลน์และออนไลน์รีเทลหายไป
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น AR และ AI มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อการเปลี่ยนแปลงการค้ารีเทล ทั้งนี้ธุรกิจจะต้องเพิ่มการโน้มน้าวใจให้มากขึ้น มีการโต้ตอบปฏิสัมพันธ์ที่เพิ่มประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าในแต่ละราย เพราะลูกค้าไม่ว่าใครก็ตาม แม้กระทั่งเราเอง ก็มีความคาดหวังสูงในทุกขั้นตอนการซื้อขาย ร้านค้าที่จะประสบความสำเร็จจะเป็นผู้ที่สามารถกำหนดเป้าหมายกลุ่มลูกค้ามากกว่าอุปกรณ์ และสามารถส่งมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหมาะกับตัวบุคคลโดยครอบคลุมทั้งในออนไลน์และออฟไลน์
ที่มา : Digital marketing magazine(UK)