ใครทำธุรกิจ E-Commerce ควรรู้ว่าต้องเทความสำคัญอันดับต้นๆ ให้ “โปรโมชั่นและส่วนลด” เพราะข้อมูลจากเว็บไซต์ Investp.com ซึ่งวิเคราะห์จากพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคดิจิตอล พบว่าทั้งคู่คือพระเอกอันดับ 1 ที่สามารถกระตุ้นยอดขายได้ดีที่สุด แถมยังดีกว่าการกระตุ้นด้วยคุณภาพสินค้าด้วยซ้ำ
ผลการสำรวจพบว่าในปีนี้ (2013) ธุรกิจออนไลน์เฉพาะในสหรัฐฯ แค่เพียงประเทศเดียวมีมูลค่ารวมกันอยู่ที่ 262,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นไปสูงถึง 370,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2017 ส่วนทิศทางของตลาด E-Commerce ทั่วโลกก็มีการประเมินว่าจะมีมูลค่าทะลุ 1.86 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2016 หรืออีกเพียง 3 ปีข้างหน้าเท่านั้น
กลุ่มผู้บริโภคที่นิยมซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์สุงสุด ได้แก่ กลุ่มผู้ใหญ่ อายุเฉลี่ยระหว่าง 45-54 ปี (24%) ในขณะที่กลุ่มวัยรุ่นอายุเฉลี่ยระหว่าง 18-24 ปี เป็นกลุ่มที่มีการซื้อสินค้าออนไลน์ต่ำสุด โดยมีสัดส่วนเพียงแค่ 7.6% เท่านั้น และเมื่อลองแบ่งกลุ่มผู้บริโภคโดยใช้เพศเป็นหลัก พบว่า เพศหญิงที่รักการช้อปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจ กลับมีสัดส่วนในการซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ไม่ทิ้งห่างจากเพศชายมากนัก โดยคิดเป็นอัตราส่วนอยู่ที่เพศหญิง 59.1% ต่อเพศชาย 40.9%
ผลการสำรวจพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ 81% มีพฤติกรรมในการค้นหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าทุกครั้ง โดยแหล่งข้อมูลที่ถูกใช้งานเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้ามากสุด คือ “เสิร์ชเอนจินและโซเชียลมีเดีย” มีสัดส่วนสูงถึง 62% ตามมาด้วยเว็บไซต์ของแบรนด์ (60%), เว็บไซต์ของร้านค้าปลีก (57%), ร้านค้าของแบรนด์ (42%) และการพูดคุยกับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน (29%)
ส่วนปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากซื้อสินค้ามากที่สุด ได้แก่ “โปรโมชั่นและส่วนลด” มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคมากถึง 48% รองลงมาเป็นคุณภาพสินค้า มูลค่าของสินค้าและมีสินค้าตัวอย่างแถมฟรี (42%), ความภักดีต่อแบรนด์ รวมถึงผลตอบแทนและสิทธิพิเศษจากความภักดีต่อแบรนด์ (38%), การบริการ (36%) ความเชื่อถือและภาพลักษณ์ของแบรนด์ (34%)
นอกจากนี้อุปกรณ์ที่ใช้เพื่อเข้าถึงธุรกิจออนไลน์ก็เป็นอีกส่วนที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการใช้งานที่ค่อนข้างชัดเจน ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือเริ่มมีจำนวนการใช้งานในกลุ่มผู้บริโภคออนไลน์ใกล้เคียงกับช่องทางเดิมอย่างคอมพิวเตอร์พีซี คิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่โทรศัพท์มือถือคิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 45% ต่อการใช้งานคอมพิวเตอร์พีซี 49% อีกทั้งยังพบว่า “แท็บเล็ต” กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการซื้อสินค้าออนไลน์สูงถึง 54% ในขณะที่ช่องทางอื่น อย่างโทรศัพท์มือถือกลับมีส่วนเกี่ยวกับข้องกับการซื้อสินค้าออนไลน์เพียง 26% เท่านั้น
ความเห็น: แต่อย่างไรก็ตาม นี่คือตัวเลขเมืองนอกนะครับ ในเมืองไทย อยากให้ thumbsupers ดูตัวเลขเหล่านี้ประกอบว่าข้อมูลเหล่านี้น่าเชื่อถือเพียงไร แต่โปรโมชั่นและส่วนลดก็น่าจะยังเป็นพระเอกอยู่ดี
ที่มา: Invesp