เห็นหัวข้อข่าววันนี้ เชื่อว่าหลายต่อหลายคนก็คงพอจะนึกออก แถมไม่ต้องคิดไปถึงไหน แค่รอบๆ ตัวเราก็จะเห็นว่าทุกวันนี้เด็กๆ หลายต่อหลายมีโอกาสได้เล่นอุปกรณ์ไฮเทคมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ก็จะเห็นว่าคุณพ่อคุณแม่ให้ลูกๆ เล่น เพื่อความบันเทิงและทำให้ลูกหลานของตัวเองสงบและไม่ดื้อ วันนี้เราเอาผลสำรวจเกี่ยวกับเด็กและอุปกรณ์ไฮเทคเหล่านี้มาฝาก เพื่อให้เป็นข้อมูลกับทางการตลาดกับผู้ที่สนใจกันครับ…
โดยการสำรวจนี้เก็บข้อมูลของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 8 ปีลงไป โดยมีการแบ่งกลุ่มของครอบครัวที่มีรายได้สูงกว่า 75,000 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 2,250,000 บาท) และกลุ่มที่มีรายได้ไม่สูงคือต่ำกว่า 30,000 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 900,000 บาท) พบว่าครอบครัวที่มีรายได้สูงนั้น มีการดาวน์โหลดแอพฯ สำหรับเด็กไปมากถึงร้อยละ 47 ส่วนครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่านั้นมีเพียงร้อยละ 14 เท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีผลสำรวจที่น่าสนใจอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เด็กอายุไม่ถึง 8 ปี มีโอกาสได้สัมผัสกับอุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟน, iPod หรือแท๊บเล็ตอย่าง iPad มากถึงร้อยละ 53 ซึ่งในนี้ร้อยละั 11 มีการใช้ระหว่างวันเพื่อเล่นเกมและแอพฯ อื่นๆ โดยกินเวลาเฉลี่ยประมาณ 43 นาทีต่อวัน
แต่อย่างไรก็ตามสื่อรูปแบบเดิมๆ อย่างโทรทัศน์ ก็ยังคงเป็นที่นิยมของกลุ่มเด็กๆ มากกว่า โดยเด็กๆ ดูรายการโทรทัศน์และดีวีดีวันละกว่า 1 ชั่วโมง 40 นาที ซึ่งในกลุ่มเด็กทารกคืออายุไม่เกิน 1 ปีนั้น ก็ยังได้รับสื่อโทรทัศน์มากเฉลี่ยวันละ 53 นาทีเลยทีเีดียว
แม้จะดูเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและดูว่าเทคโนโลยีกำลังมีบทบาทในสังคมมากขึ้นเรื่อย อย่างไรก็ตามนี่อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก กับการที่หลายๆ องค์กรหรือบุคคลมองว่าการนำเทคโนโลยีเหล่านี้ยื่นให้เด็กเร็วเกินกว่าวัยอันเหมาะสม จะทำให้เกิดผลเสียต่อตัวเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการทำให้เกิดอาการสมาธิสั้นกับเด็กในสมัยนี้ หรือแม้แต่พัฒนาการของเด็กเล็กที่เติบโตช้ากว่าเพื่อนๆ
ลองมาคิดกันว่า พ่อแม่หลายๆ คน หรือแม้แต่ตัวคุณเองก็ตาม ใช้อุปกรณ์ไอทีเหล่านี้เพื่อล่อหลอก หรือเอาไว้ให้ลูกๆ ของคุณได้เล่นมันเวลาร้องไห้หรือเปล่า? …ก็คงถึงเวลาที่บรรดาคุณพ่อคุณแม้ ต้องมาตัดสินใจเลือกมอบสิ่งที่ดีให้กับลูกๆ ของคุณกันแล้วล่ะครับ
ที่มา: GigaOM