พร็อพเพอร์ตี้กูรู (PropertyGuru) ประกาศความสำเร็จร่วมกับ อีคิวที (EQT) ในการขยายธุรกิจด้านดิจิทัล มาร์เก็ตเพลส และธุรกิจโฆษณาอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงการขยายตลาดให้เติบโตยิ่งขึ้น เพื่อรับการขยายตัวของสังคมเมือง และกลุ่มผู้บริโภคชนชั้นกลางที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมไปถึงเทรนด์ดิจิทัลในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภูมิภาคนี้ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
จากการควบรวมกิจการในครั้งนี้ ทำให้พร็อพเพอร์ตี้กูรูหยุดการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ก่อนการเปิดตลาดของวันที่ 13 ธันวาคม 2567 และบริษัทได้ทำการถอนตัวออกจากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก และจะกลับมาดำเนินการในรูปแบบบริษัทเอกชนอีกครั้ง
โดยวอร์แรนท์คงค้าง และยังไม่ได้ทำการซื้อขาย ตั้งแต่ช่วงการควบรวมกิจการเสร็จสิ้น ไปจนถึงวันที่ 12 มกราคม 2568 จะสามารถขายคืนได้ในมูลค่า 0.7526 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 25.67 บาท) ต่อวอร์แรนท์
พร็อพเพอร์ตี้กูรู แพลตฟอร์มเทคโนโลยีอสังหาฯ ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดตัวครั้งแรกในสิงคโปร์เมื่อปี พ.ศ. 2550 ในแต่ละเดือน แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นสื่อกลางให้ผู้ที่กำลังหาบ้านกว่า 31 ล้านคนทั่วภูมิภาค ได้ติดต่อกับเอเจนต์อสังหาฯ กว่า 50,000 รายใน 4 ตลาดหลัก ได้แก่ สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไทย และเวียดนาม บริษัทมีส่วนในการสนับสนุนให้ลูกค้า และผู้บริโภคในภูมิภาค สามารถตัดสินใจในการซื้อ-ขาย-เช่า-ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างมั่นใจ ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ตั้งแต่ประกาศอสังหาริมทรัพย์, ข้อมูลตลาดเชิงลึก, ผลิตภัณฑ์ด้านสินเชื่อ อย่างพร็อพเพอร์ตี้กูรู ไฟแนนซ์ (PropertyGuru Finance) ไปจนถึงโซลูชั่นสำหรับลูกค้าองค์กร ภายใต้แบรนด์ พร็อพเพอร์ตี้กูรู ฟอร์ บิสิเนส (PropertyGuru for Business)
ทั้งนี้ การลงทุนของอีคิวที ในพร็อพเพอร์ตี้กูรูนั้น มุ่งหวังที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทด้วยการเสริมความแกร่งด้านทรัพยากรและความเชี่ยวชาญเพื่อเร่งการเติบโตด้านเทคโนโลยี, การขยายตลาดให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ไปจนถึงการพัฒนาประสิทธิภาพของการดำเนินงาน ด้วยประสบการณ์ในการบริหารแพลตฟอร์มชั้นนำในธุรกิจดิจิทัล มาร์เก็ตเพลส และธุรกิจโฆษณาอสังหาริมทรัพย์อย่าง idealista (ในสเปน) และ Casa.it (ในอิตาลี) อีคิวทีจะช่วยส่งเสริมการพัฒนากลยุทธ์ให้กับพร็อพเพอร์ตี้กูรู สร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในภาคอุตสาหกรรมพร็อพเทคแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในตลาดต่าง ๆ ที่ล้อไปกับการขยายตัวของสังคมเมือง, ฐานผู้บริโภคชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น และเทรนด์ดิจิทัลในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภูมิภาคนี้ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
นายแฮร์รี่ วี. คริชนัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีที่การควบรวมกิจการในครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ด้วยดีและขอต้อนรับอีคิวทีสู่พร็อพเพอร์ตี้กูรู ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา นับได้ว่าบริษัทของเรามีเส้นทางที่น่าตื่นเต้นและเป็นที่จดจำ ซึ่งความสำเร็จตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากไม่มีการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากผู้ถือหุ้นของเรา โดยก่อนหน้านี้ เราได้มีโอกาสร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ระดับโลกอย่างทั้ง TPG และ KKR มาแล้ว ผมขอเป็นตัวแทนของทุก ๆ ท่านที่พร็อพเพอร์ตี้กูรูในการแสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนของพาร์ทเนอร์ของเราทั้งในอดีตและปัจจุบัน ผมรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่กรุ๊ปของเราสามารถที่จะสร้างผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมในการออกจากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นการปิดฉากในตลาดฯ ที่สร้างความประทับใจให้กับนักลงทุนระยะยาวของเรา”
นายแฮร์รี่กล่าวเสริมว่า “ในนามทีมผู้บริหารของกรุ๊ป ผมขอขอบคุณพวกเราทุกคนสำหรับความทุ่มเทในการทำงาน และผลงานอันเยี่ยมยอดตลอดหลายปีที่ผ่านมา และขอบคุณลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจสำหรับความไว้ใจและการสนับสนุนที่ดีที่มีต่อบริษัทเราเสมอมา อีคิวทีมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมสร้างธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน และเดินหน้าไปพร้อมกับเราในการสร้างวิสัยทัศน์ของบริษัทเรา ในการร่วมส่งเสริมการสร้างชุมชนแห่งการอยู่อาศัย ทำงาน และพัฒนาเป็นเมืองแห่งอนาคตให้เป็นจริงขึ้นมา”
ด้าน เจนิส เลียว หัวหน้าทีมที่ปรึกษา อีคิวที ไพรเวท แคปิตัล เอเชีย และหัวหน้าฝ่ายการลงทุน อีคิวที ไพรเวท แคปิตัล ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “พร็อพเพอร์ตี้กูรูได้พลิกโฉมเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์หรือพร็อพเทคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีความโดดเด่นในด้านนวัตกรรม และความเป็นผู้นำในการนำเสนอโปรดักส์และบริการต่าง ๆ ที่ช่วยเหลือผู้ที่กำลังหาบ้านหลายล้านคนทั่วภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับความเชี่ยวชาญของทีมอีคิวทีในการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสและโฆษณาอสังหาริมทรัพย์ เรามุ่งที่จะสนับสนุนการเติบโตของพร็อพเพอร์ตี้กูรู ในการขยายโอกาสทางธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมไปถึงขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในเฟสต่อไป พร้อม ๆ ไปกับการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนวิวัฒนาการของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต”