สสว. ปลื้ม “SMEs Go Online” ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ แห่สมัครร่วมโครงการกว่า 32,000 ราย ดึงสินค้า-บริการกว่ากว่า 4 หมื่นผลิตภัณฑ์ ขึ้นขายบนเว็บไซต์ชั้นนำ หลัง สสว. จับมือ “ETDA” จัด “ทีมกูรู” เดินสายติวเข้มการตลาดดิจิทัลทั่วประเทศ หวังปั้นSMEs 4.0 แข่งขันในตลาด ทั้งไทยและต่างประเทศ
นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. เปิดเผยผลสำเร็จของโครงการส่งเสริมพัฒนาตลาดอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ SMEs หรือ “SMEs Go Online” ที่ผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชน นำสินค้าและบริการ กว่า 75,100 ผลิตภัณฑ์ จากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย สมัครเข้าร่วมโครงการ และทั้งหมดได้รับการพัฒนาความพร้อมเข้าสู่ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ โดยสสว.ตั้งเป้าให้ได้ 100,000 ผลิตภัณฑ์ ภายในเดือนกันยายนนี้ โดยในจำนวนนี้มีสินค้าขึ้นขายในตลาดอิเล็กทรอนิกส์แล้วไม่น้อยกว่า 44,108 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกี่ยวกับอาหาร นับเป็นอีกหนึ่งก้าวความสำเร็จในการสร้างผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ และยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการ SMEs ตลอดจนการพัฒนาวิสาหกิจให้มีความเข้มแข็งและส่งเสริมการเข้าถึงตลาด โดยเฉพาะการตลาดอีคอมเมิร์ซ ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ในการต่อยอดโครงการระยะต่อไป ต้องมุ่งเน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ขายสินค้าได้โดยใช้เทคนิคการขายและการโปรโมทสินค้าที่ทันสมัย นำบาร์โค้ดมาใช้กับผลิตภัณฑ์ รวมถึงพัฒนาช่องทางในการขนส่งสินค้าให้ถูกลงเพื่อรองรับตลาดออนไลน์ที่โตขึ้นซึ่งเบื้องต้นได้พูดคุยกับเอกชนรายใหญ่เพื่อรองรับไว้แล้ว นอกจากนี้ต้องพัฒนาเรื่องคุณภาพและมาตรฐานให้ได้รับการรับรอง
ด้าน นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวถึงความร่วมมือในการดำเนินโครงการดังกล่าวว่า เป็นการผสานความร่วมมือระหว่าง ETDA กับ สสว. ในการเข้าไปช่วยเหลือและยกระดับความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP รวมถึงการบ่มเพาะผู้ประกอบการ โดยมูลค่าการซื้อขายตลอดโครงการตั้งเป้าไว้ที่ 210 ล้านบาทภายปีหน้า โดยตั้งแต่ดำเนินโครงการมาถึงปัจจุบันมียอดมูลค่าอยู่ที่ 20 ล้านบาท
“โดยในส่วนของ ETDA ที่เข้าไปช่วยเสริมความแข็งแกร่งการทำธุรกิจสู่อีคอมเมิร์ซ และทำให้มีสินค้าหรือบริการได้รับการพัฒนาความพร้อมเข้าสู่ตลาดอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 32,389 ผลิตภัณฑ์ และสามารถสร้างเครือข่ายกลุ่มผู้ประกอบการ และผู้ให้บริการตลาดอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นที่นิยมจำนวน 7บริษัทประกอบด้วย Lazada, Shopee, Weloveshopping , TARAD.COM , PCHome , 11street , Lnwshop รวมถึงสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ซึ่งได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการพัฒนาส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ระหว่าง ETDA กับ 9 เครือข่ายไปเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา คาดว่าการทำ MOU ดังกล่าวคาดว่าจะทำให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้มีโอกาสนำสินค้าขึ้นไปขายบนตลาดอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น”
“โครงการดังกล่าวนับเป็นความร่วมมือที่สำคัญของ สสว. และ ETDA ในการช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล โดยมุ่งพัฒนาศักยภาพและยกระดับการทำอีคอมเมิร์ซ พัฒนาช่องทางตลาดอิเล็กทรอนิกส์อย่างยั่งยืน รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่น ผลักดันให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นSmart Entrepreneur ในยุค Thailand 4.0 ซึ่งภาครัฐพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่และจะมีโครงการต่อยอดระยะที่ 2 ” นางสุรางคณา กล่าว
ส่วนในด้านผู้ประกอบการนั้น นางสาวพจมาลย์ อันเนตร ผู้ประกอบการเครื่องเคลือบฉันกะหม้อ by เอี่ยมอ่อง กล่าวว่า ได้รับความรู้จากโครงการในเรื่องการถ่ายภาพผลิตภัณฑ์เพื่อการขายและสามารถเพิ่มช่องทางในการกระจายสินค้าไปให้ลูกค้าทั่วประเทศ หรือนายพงศ์สวัส ยอดสุรางค์ ผู้ประกอบการหนังปลากะพงขาวทอดกรอบ เล่าว่า จากที่ประสบปัญหาจากการประกอบธุรกิจและเป็นหนี้กว่า 20 ล้านบาท หันมาฟลิกฟื้นโดยหันมาแปรรูปหนังปลากะพงมาจำหน่ายและเมื่อเข้าสู่ตลาดออนไลน์ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นและสามารถสั่งซื้อและส่งของให้ลูกค้าได้โดยตรง
ส่วนนายวันชาญดี ยะดีอาแว ผู้ประกอบการน้ำแกงส้มสำเร็จรูป กล่าวว่าหลังนำธุรกิจเข้าสู่การขายออนไลน์ นับเป็นช่องทางการขายหลักของกิจการ และเมื่อเข้าร่วมโครงการแล้วทำให้ได้รับความรู้เพิ่มทั้งในส่วนของการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ ปรับปรุงรูปแบบแพคเก็จ การยืดอายุสินค้าให้อยู่ในตลาดได้ ซึ่งก็จะเห็นว่าภาค SME เอง กำลังมีการปรับใช้ในเรื่องเทคโนโลยี และพัฒนาตัวเองเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ