ข่าวดีของนักพัฒนา Content บน mobile ในปีไก่ทองคือการสำรวจที่พบว่าผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วโลกในปี 2017 จะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 2,320 ล้านคน (สถิติจาก Statista) แน่นอนว่าเมื่อมีผู้ใช้มาก โฆษณาก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะใน 2 เทรนด์นี้ที่เราจะเห็นได้ชัดเจนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
บทความตอนที่แล้วเรากล่าวถึง 3 ใน 5 แนวโน้มของ Mobile ad ปี 2017 เท่านั้น ต่อไปนี้คือแนวโน้มที่ 4 และ 5 ซึ่งจะส่งให้ Mobile ad มีส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่ Mobile ad มีสัดส่วนเป็น 50% ของเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลรวมในสหรัฐอเมริกาแล้ว (สถิติจาก Pew Research Center) คาดว่า mobile ad ในภาพรวมจะมียอดใช้จ่ายสะพัด 1.58 แสนล้านเหรียญในปี 2018
4. “Streamable video” จะครองตลาด Mobile ad
ปี 2017 ถูกมองว่าจะเป็นปีที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนเปิดชมวิดีโอหรือ streaming video มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สถิติล่าสุดจาก Ericsson ConsumerLab พบว่ากลุ่มคนเริ่มทำงานหรือ Young adult คือกลุ่มที่ชมวิดีโอเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยนิยมชมบนสมาร์ทโฟนมากกว่าอุปกรณ์ใด
นอกจากนี้ การสำรวจยังพบว่า 20% ของผู้บริโภคกลุ่ม 16−19 ปีเปิดชมวิดีโอบน YouTube ไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงทุกวัน โดยวิดีโอที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน YouTube คือมิวสิกวิดีโอของเซเลบริตี้ชื่อดัง รองลงมาเป็นวิดีโอของกูรูความงาม และวิดีโอแสดงตลกชมเพลินของ nigahiga, JennaMarbles และ Pewdiepie
เวทีนี้ไม่ใช่สนามเด็กเล่น เพราะปัจจุบันนักการตลาดสามารถแทรกตัวเข้าไปในวิดีโอเหล่านี้ได้แล้วด้วยการเป็นสปอนเซอร์จนสามารถสร้าง native ad ที่มีผู้ชมหลายสิบล้านวิว ซึ่งผู้ชมส่วนใหญ่สามารถรับรู้เรื่องราวและสารที่แบรนด์ต้องการบอกไว้ได้อย่างครบถ้วน
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือวิดีโอของ Pewdiepie หนุ่มผู้ผลิตวิดีโอชาวสวีดิชวัย 27 ปีซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 50 ล้านคน ตัวเขาได้รับเลือกจาก Sony ให้มีสิทธิเล่นเกมก่อนใคร เพื่อแลกกับการประกาศขอบคุณ Sony ก่อนที่วิดีโอความยาว 22 นาทีจะเริ่มเล่น เบ็ดเสร็จแล้ววิดีโอนี้เรียกยอดชมมากกว่า 13 ล้านวิว
การสำรวจจาก Accenture ยังพบว่าผู้บริโภค 54% มองว่าบางวิดีโอยังคงมีประโยชน์แม้ว่าจะเป็นวิดีโอที่มีสปอนเซอร์ สถิตินี้นำไปสู่ทฤษฎีว่าผู้บริโภคจะเปิดใจชมโฆษณาบน YouTube มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อโฆษณานั้นมีผู้ถ่ายทอดเป็นเซเลบฯในฝันหรือบุคคลที่ชื่นชอบ และโฆษณานั้นมีการแนะนำให้ชมโดยเพื่อนสนิท
5. เพจโฆษณาต้องเสิร์ฟเร็วขึ้น
ฟันธงได้เลยว่า สิ่งที่จะอวสานสูญพันธุ์ไปในวงการ Mobile ad คือภาพหรือวิดีโอที่ใช้เวลาโหลดนาน
ปัจจุบัน HTML5 และแพลตฟอร์มอย่าง AMP จาก Google รวมถึง Facebook Canvas ล้วนทำให้โฆษณาและเว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้นก็จริง แต่ทั้งหมดนี้จะแสดงผลได้เร็วขึ้นอีกเมื่อมีการใช้โซลูชันโฮสติงที่มีประสิทธิภาพร่วมด้วย โดยเฉพาะบนเว็บไซต์ที่จะต้องมีระบบจัดการคอนเทนต์ การเก็บ Cache รวมถึงการใช้แทมแพลตในเว็บไซต์เพื่อลดเวลาการโหลดลงไปอีก กรณีที่เป็นตัวอย่างได้ชัดเจนที่สุดคือ WordPress Super Cache ที่สามารถทำให้ผู้ใช้สามารถเปิดเว็บไซต์ได้เร็วทันใจ
สถิติที่สามารถนำมาอ้างอิงในเทรนด์นี้คือการสำรวจที่พบว่า ระยะเวลาเฉลี่ย attention span หรือเวลาที่ผู้คนจะมีสมาธิจดจ่อกับไอเดีย กิจกรรม หรือโฆษณาได้ที่ชมนั้นอยู่ที่ 8 วินาทีเท่านั้น โดยสถิติประจำปี 2015 นี้สั้นกว่าสถิติที่เคยคำนวณได้ 12 วินาทีในปี 2000
เวลาสมาธิจดจ่อที่สั้นลงแปลว่านักโฆษณาต้องทำการบ้านอย่างหนักในการแทรก interaction หรือกลเม็ดเพื่อเข้าถึงผู้ชมให้เร็วที่สุด ใครที่สามารถตัดส่วนที่หน่วงเพจทิ้งไปได้มากที่สุด และสามารถเติมความน่าสนใจให้กับเพจได้อย่างชัดเจนที่สุด ก็จะเป็นผู้ที่ได้รับความสนใจจากผู้ชมไปใน 8 วินาทีนั้น
ที่มา: TechinAsia