ซีบร้า เทคโนโลยีส์ คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการโซลูชันดิจิทัลชั้นนำที่ เผยผลการสำรวจ Automotive Ecosystem Vision Study ที่ชี้ให้เห็นว่าผู้ผลิตยานยนต์อยู่ภายใต้แรงกดดันให้พร้อมรองรับความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EVs) ที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคในอนาคตอันใกล้
โดยผู้ผลิตยานยนต์ต้องวางแผนให้การเปลี่ยนไปผลิต EVs ตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงการประกอบขั้นสุดท้าย ดังนั้นการเพิ่มระบบอัตโนมัติ การสร้างเทคโนโลยีสำหรับใช้ภายในองค์กร และการเพิ่มการเข้าถึงข้อมูล/สถานะของการผลิต และซัพพลายเชนที่อัปเดตอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตยานยนต์ควรให้ความสนใจมากขึ้น
แม้ปัจจุบันเศรษฐกิจจะผันผวน ผู้ผลิตยานยนต์ก็พร้อมที่จะลงทุนในนวัตกรรมทางเทคโนโลยี โดย 7 ใน 10 (74% ทั่วโลก, 69% ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก) คาดว่าจะเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี และ 6 ใน 10 (67% ทั่วโลก, 63% ในเอเชีย-แปซิฟิก) วางแผนที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของการผลิตภายในปีพ.ศ. 2566
การสำรวจ Automotive Ecosystem Vision Study ดำเนินการโดยซีบร้า เทคโนโลยีส์ มีผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด 1,336 คน ทั่วโลก ซึ่งมีทั้งผู้มีอำนาจตัดสินใจในอุตสาหกรรม ผู้จัดการด้านการขนส่ง และผู้บริโภค ในเอเชีย-แปซิฟิก มีผู้ตอบแบบสำรวจรวมทั้งหมด 350 คน ในประเทศอินเดีย จีนแผ่นดินใหญ่ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ผู้บริโภคในเอเชีย-แปซิฟิกมากขึ้นจะหันมาเลือกซื้อ EVs ในไม่ช้า
ผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง (53% ทั่วโลก, 60% ในเอเชีย-แปซิฟิก) มีแนวโน้มจะเลือกซื้อรถยนต์ไฮบริด (HEV) แต่การตอบสนองต่อความต้องการ EVs ที่เพิ่มขึ้นนี้ก็ต้องพบกับความท้าทาย ผลการสำรวจยังชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคเจนเนอเรชั่นต่าง ๆ ก็ผลักดันให้ผู้ผลิตยานยนต์เร่งพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี โดย 87% ของผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของรถยนต์ของตัวเอง ตามมาด้วยผู้บริโภคกลุ่มเจนเอ็กซ์ 78% และผู้บริโภคกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ 76%
นอกจากนี้ผู้บริโภคก็มีส่วนในการเน้นการปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคล (Personalisation) ให้มากขึ้น ผู้บริโภคเกือบ 4 ใน 5 ระบุว่าตัวเลือกการปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคลเป็นหนึ่งในปัจจัยในการตัดสินใจซื้อ
ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกตระหนักดีว่าปัจจุบันผู้บริโภคคาดหวังตัวเลือกรถยนต์ที่มีความยั่งยืน และความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ราว 7 ใน 10 ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะตอบสนองต่อความต้องการการปรับแต่งที่เพิ่มขึ้น เหตุนี้ผู้ผลิตยานยนต์ 3 ใน 4 ทั่วโลกจึงระบุว่าสิ่งสำคัญสูงสุดคือการสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัทเทคโนโลยีสำหรับการผลิตรถยนต์รุ่นต่อไป
Mr. Tan Aik Jin, หัวหน้าฝ่ายการตลาดด้านโซลูชั่นแนวดิ่งประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก, ซีบร้า เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า “จากการสำรวจเราพบว่าผู้บริโภคอยากเห็นการส่งเสริมยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในอนาคต อีกทั้งความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าของผู้บริโภคเอง ทั้งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้มีอำนาจตัดสินใจในอุตสาหกรรมยานยนต์ต้องรุกลงทุนในเทคโนโลยีที่เหมาะสมให้มากขึ้น เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของการผลิตให้แข็งแกร่ง และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นนี้ได้ดียิ่งขึ้น”
มากกว่าหนึ่งในสามของผู้ผลิตอุปกรณ์ดั้งเดิม(OEMs) จากทั่วโลกและในเอเชียแปซิฟิก ต่างออกความเห็นว่าการใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตจะมีส่วนช่วยในการปรับปรุงจัดการห่วงโซ่อุปทานได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMRs), การระบุตัวตนด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RFID), คอมพิวเตอร์มือถือแบบพกพาที่มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทาน(Rugged Handheld Mobile Computers) และเครื่องสแกนแบบพกพา (Scanner) รวมถึงแมชชีนวิชั่น (Machine Vision) ที่นำมาใช้ตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในโรงงาน
จากการสำรวจแบบสอบถามพบว่าจำนวนกว่าหนึ่งในสามของบริษัทซัพพลายเออร์ต่าง ๆ ก็มีความเห็นเช่นเดียวกันในด้านการเทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วย เช่น การใช้เครื่องพิมพ์สติกเกอร์บาร์โค้ดแบบพกพาและเครื่องพิมพ์สติกเกอร์แบบใช้ความร้อน (Thermal Printer), อุปกรณ์ Mobile Computer แบบสวมที่แขน หรือแม้แต่การใช้เทคโนโลยีในการระบุตำแหน่งของสิ่งของหรือบุคคล