ในวันนี้ Facebook ได้ประกาศการเข้าซื้อ Oculus VR ด้วยมูลค่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยภายในสัญญา Facebook จะจ่ายเงินสดให้แก่ Oculus VR จำนวน 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (1 มื่น 3 พันล้านบาท) พร้อมหุ้นของ Facebook อีกจำนวน 23.1 ล้านหุ้น
โดยมูลค่าการเข้าซื้อ Oculus ของ Facebook นั้นไม่มีมูลค่าคงที่ เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นของ Facebook และข้อตกลงอื่นๆ ที่คาดว่าจะลงตัวภายในไตรมาสที่สองของปีนี้ คือเงินเพิ่มเติม 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่จะมาทั้งรูปแบบเงินสด และหุ้นของ Facebook ขึ้นอยู่กับว่า Oculus จะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ Facebook ตั้งไว้หรือไม่ ทำให้สุดท้ายมูลค่าการซื้อ Oculus VR ของ Facebook มากกว่าที่ประกาศในปัจจุบัน หรือต่ำกว่าก็ได้
สำหรับผู้ที่ไม่รู้จัก Oculus VR มาก่อน บริษัทนี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง Oculus Rift ชุดอุปกรณ์ Headset ที่มักใช้งานเพื่อการเล่นเกมแบบ 3 มิติ บริษัทดังกล่าวก่อตั้งขึ้นโดย almer Luckey, Brendan Iribe, Michael Antonov และ Nate Mitchell
ซึ่ง Mark Zuckerberg, CEO แห่ง Facebook ได้ตั้งความหวังกับ Oculus ไว้ค่อนข้างสูง โดยเขาได้กล่าวว่า “หลังจากการเป็นอุปกรณืเพื่อการเล่นเกม ทางเราตั้งใจจะพัฒนาให้ Oculus นั้นใช้งานกับประสบกาณ์อื่นๆ ได้อีก เช่นการชมการแข่งกีฬาเสมือนได้นั่งติดขอบสนาม หรือการนั่งในห้องเรียนที่ทำให้รู้สึกเหมือนได้เข้าร่วมชั้นเรียนจริงจากนักเรียนทั่วโลก ไปจนถึงการได้ปรึกษแพทย์เสมือนได้นั่งอยู่ด้วยกันจริงๆ ทั้งหมดนี้เพียงแค่สวมอุปกรณืดังกล่าวจากที่บ้านเท่านั้น
นี่ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มเพื่อการสื่อสารใหม่ ที่ทำให้รู้สึกเหมือนมีส่วนร่วมจริง ทำให้ผู้ใช้สามารถแบ่งปันช่วงเวลาต่างๆ กับเพื่อนๆ ของพวกเขาได้ ไม่เพียงแค่มุมมองเล็กๆ มุมหนึ่ง แต่เป็นการแบ่งปันประสบการณ์และการผจญภัยของผ้ใช้อย่างครบถ้วน”
โดย Facebook ต้องการให้ Oculus กลายเป็นอุปกรณืถัดไปที่ได้รับความนิยมในการใช้งานต่อจากคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ทั้งในด้านการสื่อสาร การเล่นเกม การชมสื่อบันเทิง เพื่อการศึกษา ไปจนถึงการใช้งานเพื่อนจุดประสงค์อื่นๆ
ซึ่ง Brendan Iribe, CEO และ Co-Founder แห่ง Oculus VR ได้กล่าวถึงการได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Facebook ว่า พวกเขารู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างมากที่จะได้ร่วมงานกับ Mark และ Facebook ในการพัฒนาอุปกรณ์ประเภท Virtual Reality ที่ดีที่สุดในโลก และพวกเขาเชื่อว่าเทคโนโลยี Virtual Reality นั้นจะสามารถยกระดับการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กไปได้อีกขั้น ด้วยการทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกเหมือนมีส่วนร่วมซึ่งเป็นการเปิดประสบการณ์ให้คนทั่วโลกได้สัมผัสสิ่งที่พวกเขาเคยรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ โดย Facebook ได้เผยข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า หลังการเข้าซื้อแล้ว Oculus จะยังคงดำเนินการต่างๆภายใต้การดูแลของสำนักงานใหญ่ ณ เมืองเออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนียเช่นเดิม
ที่มา : The Next Web