Site icon Thumbsup

Facebook เพิ่มรูปแบบโฆษณาเพื่อเก็บข้อมูลให้ร้านค้าที่มีหน้าร้านโดยเฉพาะ

รูปแบบของโฆษณาโดยส่วนใหญ่จะเป็นการ Lead ไปยังหน้าเว็บไซต์, หน้าร้าน e-commerce ของตัวเอง เพื่อวัตถุประสงค์ของการทำการตลาดออนไลน์เฉพาะทาง แต่เอาเข้าจริงๆ ร้านค้าต่างๆ กลับไม่ได้มี Landing Page หรือไม่อยากจะโฆษณาแล้วยังคงอยู่บนออนไลน์เสมอ แต่เขาต้องการให้คนมาที่หน้าร้านของเขาจริงๆ Facebook จึงคิดรูปแบบโฆษณาเพิ่มเติมเพื่อตอบกับความต้องการของคนกลุ่มนี้ซึ่งมีมากอยู่แล้ว

ตัวแรก Get Directions เป็นโฆษณาที่จะทำให้ผู้ที่เห็นโฆษณาและสนใจสามารถรู้ว่าตำแหน่งของร้านค้าที่โฆษณาว่าอยู่ที่ไหน แล้วสามารถนำทางไปยังหน้าร้านที่ใกล้ที่สุดได้เลย นั่นก็หมายความว่าผู้ลงโฆษณาสามารถทำแคมเปญโฆษณาร้านหลายๆ สาขาได้ในครั้งเดียว

Shop Visits โฆษณาที่สามารถ Track ได้ว่ามีคนเข้ามาที่ร้านจำนวนเท่าไหร่เมื่อได้เห็นโฆษณา โดยสิ่งที่จะถูกทำมาเป็นรายงานนอกจากจำนวนแล้ว ยังสามารถที่จะปรับข้อมูลเพื่อการโฆษณา เช่น ภาพ, กลุ่มลูกค้าที่สนใจที่จะขึ้นอยู่กับคนที่เข้ามาที่ร้าน แถมมีการวิเคราะห์เพื่อการทำแคมเปญครั้งต่อๆ ไปหลังจากจบด้วย เปิดให้ใช้บริการแล้ว สามารถเข้าไปเพิ่ม Shop Locator ได้แล้วที่หน้า Ads Manager

สุดท้ายคือ Offline conversions API การเปิด API เพื่อให้เข้าไปใช้งาน โดยการใช้ฐานข้อมูลของจุดขายจับกับการทำรายงาน เพื่อทำให้การโฆษณามีประสิทธิภาพสูงสุดและเข้าใจสถานการณ์ ณ เวลานั้นได้แบบ Real-Time โดย API นี้มีความร่วมมือกันหลายๆ เจ้า เช่น IBM, Marketo, Square เป็นต้น

ทาง Facebook เชื่อว่าสิ่งที่เขาเพิ่มขึ้นมาจะช่วยให้เข้าใจถึงลูกค้าและสามารถดึงคนจากออนไลน์เข้ามายังหน้าร้าน และเข้าใจลูกค้าที่เข้ามาหน้าร้านได้เป็นอย่างดีจากข้อมูลและการบริการของเขา

ที่มา: Facebook for Business

…แต่นั่นก็หมายถึงข้อมูลของเราจะถูกเอาไปใช้งานทางธุรกิจกันอย่างสนุกขึ้นพร้อมกับประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวก็อาจจะกลับมาอีกครั้ง

แนวคิดในการพัฒนาระบบดังกล่าวเป็นผลมาจากการขาดแคลนข้อมูลที่เที่ยงตรงให้แก่นักการตลาดที่ซื้อโฆษณาบน Facebook แม้ว่า Facebook จะจับมือกับผู้ให้บริการข้อมูลการซื้อขายแบบ Offline อย่าง Datalogix แล้วก็ตาม แต่ด้วยความสามารถใหม่ของ Offline Conversion API จะทำให้ Facebook สามารถเจาะเข้าไปถึงระบบหลังบ้านของเครื่องคิดเงิน และดึงข้อมูลการซื้อขายแบบเรียลไทม์ขึ้นมาได้ ซึ่งเมื่อนำมาผนวกกับข้อมูลด้านสถานที่ตั้งของตัวร้าน ก็จะทำให้ Facebook มีข้อมูลเชิงลึกของการจับจ่ายใช้สอย และสามารถนำไปปรับปรุงระบบการโฆษณาบนแพลตฟอร์มของตนเองได้ในที่สุด