Site icon Thumbsup

Facebook เริ่มทดสอบวิดีโอเล่นแบบ Autoplay บนโมบายล์แล้ว

Consumer-Video-Test-Screenshot

เครือข่ายสังคมยอดนิยมอย่าง Facebook นั้นมีการแชร์เรื่องราวผ่านสื่อหลายรูปแบบในแต่ละวัน ทั้งข้อความ ภาพนิ่ง และวิดีโอ ที่เห็นได้ชัดคือวิดีโอที่มีความนิยมในการแชร์ซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ Facebook จึงเตรียมเพิ่มความสามารถ Autoplay หรือการเล่นวิดีโออัตโนมัติเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับวิดีโอที่ถูกแชร์อยู่บน News feed ซึ่งรายงานล่าสุดระบุว่าคุณสมบัติเล่นวิดีโออัตโนมัตินี้ (ยัง) ไม่เกี่ยวกับโฆษณาแม้แต่น้อย

ต้องบอกว่าความสามารถใหม่ด้านวิดีโอของ Facebook อย่าง Autoplay นั้นเป็นวิธีการในฝันของนักการตลาดผู้นิยมการประชาสัมพันธ์บนวิดีโอ โดยนักการตลาดกลุ่มนี้เฝ้ารอคอยมานานหลังจากที่ได้เห็นวิดีโอแบบ Autoplay บนเครือข่ายอย่าง Instagram และ Vine มาแล้ว ดังนั้นโลกการตลาดจึงจับตามองอย่างมากเมื่อ Facebook ออกมาบอกว่ากำลังเพิ่มความสามารถ Autoplay ให้กับการแสดงวิดีโอในขณะนี้

Facebook ระบุว่าจะเปิดให้บริการวิดีโอ Facebook แบบ Autoplay สำหรับผู้ใช้เฉพาะกลุ่มก่อนเพื่อเป็นการทดสอบ โดยกลุ่มผู้ใช้ที่ถูกเลือกจะเป็นนักดนตรีหรือเหล่า Celebrity ชื่อดังอย่างเช่น Lady Gaga หรือ Fareed Zakiria นักข่าวของ CNN

เบื้องต้น ความสามารถนี้สามารถใช้ได้กับแอพพลิเคชัน Facebook เวอร์ชัน Android ก่อน และจะขยายไปยังแอพบน iOS ภายในสัปดาห์หน้า ส่วนการใช้งานบนหน้าเว็บไซต์ยังไม่มีกำหนดที่จะเปิดให้ใช้งาน

รายงานระบุด้วยว่า รูปแบบการทำงานของ Autoplay บน Facebook จะแตกต่างกับ Instagram เล็กน้อยตรงที่วิดีโอจะถูกเล่นแบบปิดเสียงไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถเปิดเสียงได้เอง นอกจากนี้วิดีโอที่จะเล่นเองได้ จะต้องถูกแชร์ผ่านเครือข่ายที่กำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งก็ประกอบไปด้วยเครือข่ายของ Facebook เอง, Instagram, Social Cam และ Cinemagram ส่วนวิดีโอจากเครือข่ายอื่นจะไม่สามารถเล่นเองได้

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ Autoplay จะเป็นที่คาดหวังของนักการตลาด แต่วิดีโอที่เป็นโฆษณาบน Facebook ก็ยังไม่สามารถใช้ความสามารถนี้ได้ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า Facebook อาจจะปล่อย Autoplay ให้ใช้กับวิดีโอโฆษณาภายในตุลาคมนี้ เพื่อให้ทันเทศกาล Black Friday และช่วงเดือนธันวาคมซึ่งเป็นช่วงที่การค้าปลีกจะคึกคักอย่างมาก

เป็นอีกความสามารถที่จะเพิ่มความน่าสนใจให้กับวิดีโอได้อีกมาก ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อธุรกิจโฆษณาของ Facebook มากทีเดียว แต่สำหรับผู้ใช้งานเองอาจต้องแบกรับปริมาณข้อมูลที่มามากขึ้นด้วย ซึ่งไม่แน่ใจว่า Facebook จะคิดเรื่องนี้เผื่อไว้หรือเปล่าหนอ…

ที่มา: AdWeek