อีกครั้งแล้วกับการเปลี่ยนแปลงจากทาง Facebook โดยเฉพาะ Page ที่มีการประกาศทีไรก็สร้างความปวดหัวให้กับเจ้าของ Page หรือเจ้าของแบรนด์อยู่เป็นประจำ ล่าสุดมีการประกาศการอัปเดทอัลกอริทึ่มในการแสดงผลข้อความที่มาจาก Page บนหน้า News Feed โดยมีการปรับการแสดงข้อความ Status ที่เป็นรูปแบบ Text น้อยลง
ทั้งนี้เป็นเพราะทาง Facebook ได้ทำการทดสอบและพบว่าเมื่อมีคนเห็นข้อความ Status ของเพื่อนมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ตัวเราเองอยากเขียน Status ของตัวเองมากขึ้นด้วย และจากการทดสอบเบื้องต้นพบว่าเมื่อมีข้อความ Status ถูกแสดงเพิ่มมากขึ้น ก็ทำให้มีข้อความ Status ถูกอัปเดทเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 9 ล้านข้อความเลยทีเดียว จึงเป็นสาเหตุให้ Facebook เพิ่มความสำคัญของ Status ของเพื่อนเพิ่มมากขึ้นและปรับลดความสำคัญของ Status ข้อความที่ Text ที่มาจาก Page แสดงบนหน้า News Feed ให้น้อยลงด้วยอัลกอริทึ่ม ซึ่งทาง Facebook ตีความสำคัญของ Status ระหว่าง Page และจากเพื่อนต่างกัน
และ Facebook ก็ได้ให้คำแนะนำ (แบบน่ารักๆ) ว่า ให้เปลี่ยนรูปแบบของเนื้อหาที่ใช้ในการโพสเป็นแบบอื่นที่ไม่ใช่ข้อความ Text ดู เช่น การแนบ URL, การใส่รูป เป็นต้น
…นั่นก็หมายความว่า Facebook นั้นปรับลดอัตราหรือโอกาสการแสดงผลของข้อความบน News Feed แทบจะทุกประเภทแล้วเรียบร้อย โดยก่อนหน้านี้ Facebook ก็มีการปรับอัลกอริทึ่มเพื่อให้แสดงผลเนื้อหาที่มีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งทำให้ Reach ของเนื้อหาโพสที่เป็นการใส่รูป, แนบ URL แสดงบนหน้า News Feed จนปัจจุบันเหลือไม่ถึง 5% จากจำนวน Fan ทั้งหมดแล้ว
สำหรับข้อดีจากการปรับอัลกอริทึ่มครั้งนี้ในแง่ของการใช้งานของคนทั่วไปคงเป็นโอกาสในการที่จะได้เห็นข้อความของเพื่อนที่เราเพิ่มเป็น Friend เพิ่มมากขึ้น, การเห็นข้อความของ Page ที่ไม่ได้เป็นแบรนด์ ที่เน้นพิมพ์แต่ข้อความบทสนทนาหรือแม้กระทั่งมุกตลก ก็จะเห็นน้อยลงตามไปด้วย ในอีกมุมหนึ่ง แบรนด์ที่อยากจะสื่อสารเฉพาะข้อความออกไปต่อไปนี้จะมีโอกาสที่ผู้ใช้งานจะเห็นข้อความน้อยลงไปด้วย (หรือกลายๆ ว่า อยากให้คนเห็นข้อความก็จ่ายเงินมาให้ Facebook ก่อนสิ)
และจากที่สังเกตของ Page thumbsup เองต้องยอมรับว่าหากมีการโพสข้อความที่เป็นข้อความล้วนๆ จำนวน Reach นั้นมีมากกว่าการโพสประเภทอื่นหลายเท่า (3-5 เท่า) แต่จากตอนนี้หลังจากที่อัลกอริทึ่มถูกเพิ่มเข้าไป อัตราการเห็นก็คงจะไม่ต่างจากสิ่งที่โดนกันอยู่ในตอนนี้
สิ่งที่เจ้าของ Page ทำได้นอกจากทำใจ ก็คงต้องเป็นการพัฒนาเนื้อหาหรือ Content ที่มีคุณภาพและทำให้โดนใจคนเป็น Fan อยู่เพื่อที่จะให้เขาเป็นกระบอกเสียงบอกต่อได้ต่อ โดยที่หากอยากต่อยอดก็คงจะต้องมีการควักเงินโฆษณาให้กับทาง Facebook บ้างไม่มากก็น้อยครับ
ที่มา: Facebook Newsroom