Facebook Cover มีมาให้ใช้งานได้ประมาณ 2-3 ปีแล้ว ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งหน้า Profile ทั่วไปและ Facebook Pages ซึ่งหลายแบรนด์หรือแม้แต่หลายร้านค้าบนเน็ตก็มีการใช้งานเพื่อทำการโปรโมทสินค้าและบริการของตัวเอง แต่หลายคนก็เลือกที่จะไม่ทำหรือไม่ก็ทำภาพ Cover แค่ภาพเดียวแช่ยาว (เหมือนผมจะพูดถึง page ของ thumbsup เองแฮะ) ซึ่งก็น่าเสียดายนัก
ด้วยความสามารถของ Facebook Cover บนโลก Facebook นั้นสามารถที่จะใส่รูปที่เราต้องการ, ใส่รายละเอียดเป็นข้อความได้โดยไม่มีข้อจำกัด (จากช่วงแรกๆ เคยแบนให้ใช้ได้แค่ 20% เหมือนกันลงภาพเพื่อทำการ Boost Post) ทำให้ Cover ถือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการแสดงข้อมูลต่างๆ ได้เป็นอย่างดีในพื้นที่ส่วนตัวของเรา ซึ่งนั่นก็คือหน้า Pages ของตัวเอง
ในบทความนี้ก็เลยอยากจะแนะนำสถานการณ์ที่เราควรทำ Facebook Cover ใหม่ขึ้นมาเพื่อใช้ทดแทนภาพหลักที่เราใช้อยู่เพื่อให้แบรนด์ของเราได้รับประโยชน์สูงสุดครับ
บอกความเป็นตัวตนของคุณ
ภาพแรกที่คนจะได้เห็นในการเข้ามาหน้า Pages หรือจะเป็นการเห็นคนกด Like ก็คือภาพ Cover การทำภาพที่สื่อถึงความเป็นตัวคุณไม่ว่าจะเป็นโลโกแบรนด์, สีที่ต้องการสื่อ, ข้อความที่สื่อความเป็นแบรนด์ของคุณ โดยใช้อย่างพอดี ไม่ยัดทุกสิ่งอย่างลงไป
แนะนำผลิตภัณฑ์และบริการใหม่
ทุกครั้งที่มีอะไรใหม่เกิดขึ้นเกี่ยวกับแบรนด์ของเรา เราก็ควรที่จะแนะนำด้วยการใช้ภาพ Cover พร้อมคำอธิบายคร่าวๆ เพื่อดึงให้คนสนใจ พร้อมๆ กับการใช้ Content ในการบอกรายละเอียดเชิงลึกของบริการนั้นๆ
นอกจากผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว การดึงเอาผลิตภัณฑ์ที่ขายอยู่แล้วในปัจจุบันมาทำเป็น Cover ก็ช่วยให้คนนึกถึงได้ด้วยเช่นกัน
เรียกแขกมาร่วมกิจกรรม
Event, หรือแม้แต่กิจกรรมต่างๆ ที่มีขึ้นให้คนมาเข้าร่วม การประกาศผ่าน Cover Photo ก็เป็นเหมือนการย้ำว่ามีอะไรเกิดขึ้นอยู่ ซึ่งอย่างที่บอกไปแล้วว่าจุดแรกที่คนเข้ามาเห็นก็คือ Cover ดังนั้นแล้ว การเข้ามาหลายๆ ครั้งก็เหมือนเป็นการย้ำ message กระตุ้นให้คนที่ยังไม่ได้ทำกิจกรรมสนใจเพิ่มมากขึ้นในทางอ้อม
ประกาศโอกาสสำคัญ
ในกรณีที่มีเหตุการณ์อะไรที่เราอยากจะแนะนำหรืออยากให้คนบน Facebook ของเราร่วมเฉลิมฉลองด้วย เช่น การฉลองครบรอบ Fan กี่คน, การเพิ่มช่องทางในการติดต่อ, โซเชียลมีเดียช่องทางติดต่อใหม่ๆ, ข่าวสำคัญที่ต้องติดตามบนหน้าเว็บไซต์ ทั้งหมดนี้เราสามารถทำเป็นข่าวประกาศด้วยรูปแบบ Cover นอกจากจะเป็น Content ได้เช่นกัน
—————————–
แต่การทำทั้งหมดนี้ก็ต้องดูความสอดคล้องกับฝ่าย Marketing ของแบรนด์ด้วยเพราะต้องมีแผนที่เรียกได้ว่าแทบจะเหมือนๆ กันในการโปรโมท นอกจากนั้นแล้วสิ่งที่ต้องคิดด้วยก็คือการเปลี่ยนรูปจะมีความถี่ขนาดไหน เพราะเปลี่ยนมากไป เปลี่ยนบ่อยไปก็ไม่ดี แต่อย่างที่บอกไปครับว่ามันจะสอดคล้องกับการทำการตลาดของแบรนด์เสียเป็นส่วนมาก ซึ่งความถี่ก็คงจะไม่ออกมาซ้อนกันมากนักครับ
แต่ก็ยังมีให้เห็นบ่อยๆ หากมีการใช้ Pages เพียง Pages เดียวแต่ภายในมีหลายแบรนด์อยู่ แล้วต้องการใช้พื้นที่ Pages พร้อมๆ กัน ถ้าถึงจุดนี้แล้วอาจจะต้องมีการพิจารณาแยก Pages ของแต่ละแบรนด์ให้ชัดเจนครับ (อันนี้จะไม่ใช่แค่เรื่อง Cover แล้ว แต่เป็นการบริหาร Pages และ Content ด้วย)
สิ่งที่อยากจะฝากไว้ข้อสุดท้ายก่อนจบบทความนี้ก็คือ เมื่อหมดช่วงเวลาไม่ว่าจะเป็น Event, Promotion ต่างๆ แล้วและไม่มีอะไรต่อ ก็อย่าลืมเปลี่ยนรูปเพื่อเข้าสู่สภาวะปกติด้วยนะครับ