ทุกวันนี้ Social Media ยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook ที่มีผู้เข้าใช้งานเป็นประจำทุกเดือนกว่า 1.65 พันล้านคนกำลังถูกนักลงทุนตั้งคำถามอย่างเข้มข้นว่า Facebook จะเติบโตไปได้มากกว่านี้อีกไหม รวมไปถึงว่า จะมีวิธีการอย่างไร ในการดึงคนเข้าสู่แพลตฟอร์มตามวิสัยทัศน์ของ Mark Zuckerberg ที่ต้องการเชื่อมโลกทั้งใบเข้าด้วยกัน
หันมามองในแอฟริกา อินเดีย ละตินอเมริกา หรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซึ่งมีอัตราการเติบโตของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงที่สุดในโลกตอนนี้) เราก็มักจะได้เห็นการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ ของ Facebook เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ห่างไกลและฐานะยากจนได้มีโอกาสเข้าถึงอินเทอร์เน็ต โดยปัญหาของคนในภูมิภาคเหล่านี้เป็นเรื่องของฐานะ และโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ดีเพียงพอ ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไม่ยากเลยสำหรับยักษ์ใหญ่เงินเยอะอย่าง Facebook
เมื่อไรที่ประชากรในภูมิภาคเหล่านี้มีรายได้เพิ่มขึ้น โอกาสที่จะเข้าใช้งาน Facebook ก็จะต้องตามมาแน่นอน
งานยากของ Facebook คือ การเปิดประตูเข้าสู่ “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ให้ได้ต่างหาก เพราะดินแดนแห่งนี้มีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และฐานะความเป็นอยู่ก็ไม่ได้ธรรมดาเสียเลย (พิจารณาได้จากตัวเลขการจับจ่ายซื้อของในวันสำคัญอย่าง Single Day ที่ผ่านมา) ที่สำคัญ จีนยังมีประชากรหลักพันล้านคนอย่างที่นักลงทุนร้องขออีกด้วย โดยเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพประมาณ 700 ล้านคน
อย่างไรก็ดี ความเป็นไปได้ที่ Facebook ในตอนนี้จะบุกเข้า “จีนแผ่นดินใหญ่” อาจมองได้เท่ากับศูนย์ เนื่องจากจีนมีมาตรการแบน Facebook มาตั้งแต่ปี 2009…
แต่ถ้าหาก Facebook ถือคติ “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” ก็อาจไม่ยากอย่างที่คิด ซึ่งนำไปสู่การรายงานจาก The New York Times ที่ว่า Facebook กำลังพัฒนาเครื่องมือเซนเซอร์สำหรับกลั่นกรองการโพสต์ต่างๆ ซึ่งอาจไม่ได้ใช้เฉพาะกับตลาดจีนเท่านั้น แต่ยังสามารถเจาะเข้าไปในตลาดรัสเซีย หรือปากีสถานได้ด้วย
โดย Facebook อาจไม่ได้ลงมากรองข้อมูลด้วยตัวเอง แต่อาจเป็น Third Party เช่น รัฐบาลจีน เข้ามามอนิเตอร์หัวข้อ หรือโพสต์ใน Facebook แทน
อย่างไรก็ดี ทางตัวแทนจาก Facebook ได้ออกมาปฏิเสธรายงานดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง และ Facebook ไม่มีการพัฒนาระบบกลั่นกรองข้อมูลใดๆ เพื่อเจาะตลาดจีนอย่างที่เป็นข่าวในขณะนี้แน่นอน
ในฐานะผู้ชม เราก็คงต้องมาดูกันว่า ถ้าเช่นนั้นแล้ว Facebook จะเจาะตลาดจีนด้วยวิธีการอย่างไรให้ได้อีก 1 พันล้านคนมาครอบครองในเร็ววัน แต่เชื่อว่าปี 2017 ที่จะถึงนี้คงได้เห็นอะไรดีๆ จาก Facebook แน่นอน
ที่มา: MarketingLand