เพราะหน้าที่การงานที่เร่งรีบ และรัดตัว ทำให้คนเราติดต่อกันผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กมากขึ้น แม้การติดต่อกับเพื่อนๆ บน Facebook นั้นจะสะดวกและติดต่อกันได้ตลอดเวลา แต่การได้พูดคุยและเจอหน้ากันจะไม่ดีกว่าหรือ?
จากผลการศึกษาของ Zogby Analytics ที่ได้ทำการศึกษาผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกากว่า 1,000 คนในเดือนธันวาคมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนใน Facebook กับตัวบุคคล พบว่ากลุ่มเพื่อนบน Facebook อาจไม่ใช่กลุ่มคนที่พบหน้าได้ในชีวิตประจำวัน
โดยผลการวิจัยดังกล่าวนั้นถูกเผยแพร่ที่ Living MacTavish เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญเพื่อการรณรงค์ให้ผู้คนเลิกคุยกันผ่านจอ และหันมาเจอหน้ากันแบบตัวต่อตัวมากขึ้น โดย Susan Mactvish ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ดังกล่าว ได้พูดถึงผลการวิจัยนี้ว่า การเจอกันแบบออฟไลน์นั้นกำลังมาแรง ในยุคที่ใครๆ ต่างทวีต โพสต์ หรือส่งข้อความหากัน หลายๆ คนกลับโหยหาการเจอหน้ากัน พูดคุยกันและใช้ชีวิตไปอย่างช้าๆ มากขึ้น
โดยตัว Susan เองนั้นไม่เห็นด้วยกับการที่ผู้คนมักคิดว่าการติดต่อกันบนโลกออนไลน์ทำลายความสามารถของผู้คนในการเชื่อมสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในชีวิตจริง เพราะตัวเธอเองก็เป็นผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่พกโทรศัพท์ติดตัวตลอดเวลา เพื่อส่งอีเมลและทำงาน แต่เธอก็ยังสามารถคงความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นในชีวิตจริงได้ดี
ซึ่งผลการศึกษานั้นอาจทำให้หลายๆ คนได้นั่งคิดถึงตัวเองในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาบ้างเหมือนกัน
จำนวนเพื่อนบน Facebook ที่เจอในช่วง 2-3 เดือน |
จำนวนเป็นเปอร์เซนต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม |
0% |
30 |
1-10% |
23 |
11-25% |
13 |
26-50% |
11 |
51-75% |
8 |
76-100% |
15 |
ซึ่งถ้าหากตีเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงความเป็นจริง บุคคลคนหนึ่งปกติจะมีเพื่อนบน Facebook ประมาณ 245 คน (อ้างอิง Pew Research) นั่นแปลว่าคนปกติกว่าครึ่งที่เจอเพื่อนบน Facebook ต่ำกว่า 25 คนภายใน 2-3 เดือน
โดย Zogby Analytics ได้พูดถึงการวิจัยในครั้งนี้ว่า อันที่จริงแล้วโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้นเข้ามาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน โซเชียลเน็ตเวิร์กไม่ว่าจะเป็น Facebook ,Twitter, Instagram หรือไลน์นั้นไม่ใช่วิธีการคงความสัมพันธ์ได้อย่างแท้จริง ฉะนั้นผู้แปลคิดว่าหลังหยุดยาวปลายปีได้ฉลองกับครอบครัวมาแล้ว ต้นปีนี้น่าจะหาโอกาสนัดเจอเพื่อนมานั่งจิบชาคุยกัน แทนการกดไลค์นะคะ
ที่มา : Venture Beat