Facebook ตั้งโต๊ะแถลงผลงานกวาดล้างบัญชีปลอมหรือ fake account มากกว่า 3 พันล้านบัญชีในเวลาเพียง 3 เดือนช่วงไตรมาส 4 ปี 2018 ท่ามกลางนักวิเคราะห์ที่มองว่าบัญชีปลอมที่เหลืออยู่ในระบบต่างหากที่เป็นปัญหาตัวจริง
ตัวเลขผู้ใช้ปลอมที่ Facebook ประกาศว่ากำจัดไปแล้ว 3 พันล้านบัญชีนั้นถือเป็นจำนวนที่สูงมาก เนื่องจากยักษ์ใหญ่เครือข่ายสังคมรายงานว่าวันนี้ Facebook มีผู้ใช้งานต่อเดือนหรือ MAU ราว 2.39 พันล้านราย ซึ่งยังน้อยกว่ากองทัพ fake account ที่ Facebook พบเสียอีก
ทำเป็นทีม
Guy Rosen รองประธาน Facebook อธิบายว่าบัญชีปลอมเหล่านี้ถูกสร้างจากระบบของมิจฉาชีพที่หวังเผยแพร่เนื้อหาที่เป็นอันตรายหรือเพื่อฉ้อโกง อย่างไรก็ตาม Facebook ถูกมองว่าสามารถตรวจจับบัญชีปลอมเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น ทำให้ยังมีโอกาสที่บัญชีปลอมอื่นอาจหลุดสายตา AI หรือทีมงานคัดกรองของ Facebook จนบัญชีปลอมนั้นกลายเป็นบัญชี “ของจริง” ขึ้นมา จุดนี้คาดว่าจะต้องรอความชัดเจนในการประกาศครั้งหน้า เพื่อเทียบว่าจำนวนบัญชีปลอมในระบบจะเพิ่มขึ้นหรือลดน้อยลง
การกำจัดบัญชีปลอมนั้นเป็นผลจากนโยบายมุ่งเน้นจัดการกับเนื้อหาที่เป็นอันตรายและเป็นภัยบน Facebook สิ่งใหม่ที่ Facebook เพิ่มเติมให้นโยบายนี้คือความพยายามต่อต้านการขายยาเสพติด และอาวุธปืนในเครือข่ายสังคมออนไลน์ จุดนี้ Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook กล่าวว่า Facebook ใช้จ่ายงบประมาณมากขึ้นในการกำจัดเนื้อหาที่เป็นอันตรายและบัญชีปลอม โดยเทียบว่ามูลค่างบก้อนนี้มากกว่ารายได้ทั้งหมดที่ Facebook เคยทำได้ในช่วงก่อนที่บริษัทจะเข้าตลาดในปี 2012 แถมงบก้อนนี้ยังสูงกว่างบกำจัดเนื้อหาอันตรายที่ Twitter เริ่มทำเมื่อปีที่แล้วด้วย
จำเป็นต้องทุ่มงบ
การเก็บกวาดจัดระเบียบแพลตฟอร์มให้เรียกร้อยโปร่งใสนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ Facebook ควรทำ เพราะวันนี้ผู้บริโภคหลายคนสูญเสียความไว้วางใจใน Facebook เรื่องความเสี่ยงถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ ทีมผู้บริหาร Facebook ก็ทยอยโบกมือลาบริษัท ทำให้ Facebook ถูกจับตามากหลังจากสามารถเขย่าตลาดโฆษณาออนไลน์ได้อย่างน่าทึ่ง
เฉพาะในอังกฤษ รายงานล่าสุดของ eMarketer คาดว่า Facebook และ Google จะสามารถควบคุมตลาดโฆษณาดิจิทัลได้ 63.3% ภายในสิ้นปีนี้ ดังนั้นในช่วงหลังจากการลบกองทัพผู้ใช้ปลอมออกไปแล้ว Facebook จะพยายามชูจุดขายเรื่องความโปร่งใสของบริการโฆษณาของตัวเองแบบเข้มข้นกว่าเดิม ภาพลักษณ์ที่ใส่ใจนี้อาจจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักการตลาดได้อย่างชัดเจน
ที่มา: : FastCompany