Facebook เดินหน้าสานต่อโครงการ Community Accelerator เป็นปีที่ 2 ในประเทศไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ พร้อมทั้งขยายโครงการเพิ่มเติมในอีก 3 ประเทศใหม่ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินเดีย โดยการดำเนินงานครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนผู้สร้างสรรค์ชุมชนขึ้นมา ซึ่งตลอดระยะเวลาโครงการนี้ จะมีทั้งการฝึกอบรม ให้คำปรึกษา และจัดหาเงินทุนให้แก่ผู้นำคอมมูนิตี้ เพื่อช่วยสร้างการเติบโตให้แก่คอมมูนิตี้ของพวกเขา
ทั้งนี้ ผู้สร้างสรรค์คอมมูนิตี้ที่ได้รับการคัดเลือก จะต้องเข้าร่วมกิจกรรมเป็นระยะเวลา 5 เดือน ในการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ผู้ฝึกสอน และบทเรียนที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมตามความต้องการของแต่ละชุมชน รวมถึงพื้นฐานในการสร้างตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนและการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อทำให้กลุ่มเข้มแข็งและบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ จากนั้น ผู้เข้าร่วมโครงการจะใช้เวลา 3 เดือนในการพัฒนาและเริ่มดำเนินโครงการใหม่ๆ ผ่านการทำงานกับกลุ่มผู้สนับสนุนและผู้นำในชุมชน รวมถึงการทำงานร่วมกับทีมงานของ Facebook เพื่อที่จะช่วยพัฒนาแนวคิดของพวกเขาให้กลายเป็นจริง
นอกจากนี้ ยังได้รับเงินทุนจำนวนสูงสุด 7.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการผ่านการจัดมอบเงินทุน โดยผู้เข้าร่วมโครงการแต่ละคนจะสามารถได้รับเงินทุนสูงสุดถึง 50,000 เหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ และ Facebook อยากจะเชิญชวนให้ใครก็ตามที่สามารถสร้างคอมมูนิตี้ที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพได้สำเร็จ มีความพร้อมที่จะสร้างการเติบโตผ่านการใช้งานแอปพลิเคชันในเครือของ Facebook ได้ รวมถึงมีเวลาและกำลังในการเข้าร่วมโครงการ
เกรซ แคลปแฮม หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรและโครงการเพื่อชุมชนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค Facebook กล่าวว่า “ชุมชนออนไลน์มีจุดกำเนิดมายาวนานตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ต แต่เราได้เห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันมีผู้ดูแลและผู้ควบคุมกลุ่มต่างๆ บน Facebook จำนวนกว่า 70 ล้านคน บ่อยครั้งที่บุคคลทั่วไปจะเป็นผู้ริเริ่มและจัดการกลุ่มต่างๆ เองด้วยใจรัก โดยไม่ได้มีทีมงานสนับสนุนหรือได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติมแต่อย่างใด”
“การดำเนินโครงการ Community Accelerator ทำให้เราสามารถช่วยเหลือผู้นำชุมชนจากทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ในการสร้าง พัฒนา และขยายชุมชนของพวกเขาให้เติบโต และจากการเปิดตัวโครงการ Community Accelerator ในปีนี้ เราหวังว่าจะได้พบกับกลุ่มผู้นำชุมชนรุ่นต่อไปในภูมิภาคเอเชีย และช่วยปลดล็อคศักยภาพของพวกเขาอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกที่มีความหมาย”
โครงการ Community Accelerator เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Facebook Community Leadership Program ซึ่งเป็นโครงการระดับโลกที่ลงทุนเพื่อให้การสนับสนุนผู้คนที่มีบทบาทในการสร้างชุมชน ซึ่งรวมถึงกิจกรรม Learning Labs ที่เปิดโอกาสให้ผู้ดูแลกลุ่มต่างๆ มารวมตัวกันในชั้นเรียนดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ร่วมกันอย่างเป็นระบบ กลุ่ม Power Admin ที่มีผู้นำชุมชนมากกว่า 40,000 คนมารวมตัวกันเพื่อแบ่งปันคำแนะนำระหว่างกัน และเชื่อมต่อกับ Facebook เพื่อทดสอบฟีเจอร์ใหม่ๆ รวมถึงให้คำติชม และ Community Hub ซึ่งเป็นที่ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ได้
ตั้งแต่การเปิดตัวโครงการครั้งแรกในเดือนมีนาคม พ.ศ.2563 มีชุมชนทั้งหมด 77 ชุมชนจาก 13 ประเทศ ซึ่งรวมถึง 5 ชุมชนจากประเทศไทย ได้เข้าร่วมโครงการนี้ ยิ่งไปกว่านั้น โครงการ Community Accelerator ในปีแรกยังมีชุมชนไทย 2 ชุมชน ได้แก่ Local Alike/Local Aroi และ Ooca ได้รับเงินทุนมูลค่า 25,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อชุมชน เพื่อนำไปดำเนินแผนงานในการสร้างการเติบโต และรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากเครือข่ายของพวกเขา และจากทีมงานของโครงการดังกล่าวของ Facebook
หลังจากสำเร็จโครงการเรียบร้อยแล้ว คุณกัญจน์ภัสสร สุริยาแสงเพ็ชร์ จาก Ooca ได้กล่าวว่า “Facebook ให้การสนับสนุนความรู้ และช่องทางในการทำธุรกิจเพื่อสังคมอย่างยังยืน รวมไปถึงให้ทุนสนับสนุนเพื่อให้เป้าหมายของชุมชนนั้นเกิดขึ้นจริง นอกจากนี้ยังสอนการใช้เครื่องมือของ Facebook เช่น Facebook ads, Facebook Groups, Instagram เพื่อส่งเสริมให้ผู้นำชุมชนสร้างสร้างชุมชนออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับว่าเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่ามากในชีวิตการทำงานของดิฉัน ถ้าคุณมีเป้าหมายที่อยากจะทำเพื่อส่วนรวม และอยากทำให้คนอื่นๆ ร่วมเดินทางไปพร้อมๆ กับทำฝันนั้นให้เป็นจริง ก็ควรจะต้องลองซักครั้ง ถ้าไอเดียของคุณเป็นไอเดียที่ดีและอยากหาการสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อทำให้มันสำเร็จก็มาลองสมัครโปรแกรมนี้ดูค่ะ”
โครงการ Community Accelerator ปีที่สองนี้ เปิดรับสมัครชุมชนที่มีบทบาทอยู่ในกลุ่มบน Facebook และมีผู้นำชุมชนที่อยู่ในประเทศไทยและมีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยชุมชนนั้นจะต้องถูกก่อตั้งมานานกว่า 1 ปี และมีจำนวนสมาชิกอย่างน้อย 1,000 คน โดยสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 นี้
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่นี่ เลย