สำหรับนักเดินทางหลายๆ คน การพกพาเอกสารเพื่อยืนยันตัวบุคคลนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไหนจะพาสปอร์ต วีซ่า และสำเนาบัตรประชาชน ที่ต้องถ่ายเอกสารตุนไว้เป็นกอง เผื่อกรณีที่เอกสารบางฉบับศูนย์หายระหว่างการเดินทาง ล่าสุดในสหรัฐอเมริกา การเดินทางภายในประเทศจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากผู้โดยสารใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กในการยืนยันตนได้
แม้การยอมรับข้อมูลการยืนยันตัวบุคลจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช้เอกสารทางราชการจะดำเนินการมาได้ซักระยะนึงแล้ว แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า Transportation Security Administration (TSA) นั้นยอมรับข้อมูลจากฐานข้อมูลเปิดอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
โดย Zach Klein ผู้ร่วมก่อตั้ง Vimeo และ CEO แห่ง DIY.org ได้ทวีตข้อความถึงการรับโปรไฟล์ Facebook ของเขาแทนการใช้บัตรประชาชนก่อนขึ้นเครื่องว่า “ถึงสนามบินแล้ว แต่เพิ่งนึกได้ว่าลืมบัตรประชาชนไว้ที่บ้าน แต่ TSA ยอมรับโปรไฟล์บน Facebook แทน ”
ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ทวีตข้อความเพิ่มเติมถึง เรื่องการรับข้อมูลกรยืนยันตัวบุคคลจากแหล่งอื่นของ TSA ว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ “เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะทาง TSA นั้นมีนโยบายการเปิดรับข้อมูลจาก ฐานข้อมูลสาธารณะ ในการยีนยันตัวบุคคลอยู่แล้ว“
โดย Ross Feinstein ตัวแทน TSA ได้ชี้แจงข้อมูลกับทาง Mashable เพิ่มเติมว่า การยินยอมรับข้อมูลเพื่อยืนยันสถานภาพบุคคล ของผู้โดยสาร ผ่านฐานข้อมูลสาธารณะนั้น ดำเนินการมาได้ระยะหนึ่งแล้วตามข้อความที่ปรากฏในเว็บไซต์ของ TSA ว่า “แม้ผู้โดยสารจะไม่มีบัตรประชาชนก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถเดินทางได้ เพียงพวกเขายินยอมที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาเพิ่มเติม โดย TSA นั้นยอมรับข้่อมูลจากแหล่งอื่นได้ อย่างเช่น ฐานข้อมูลที่เปิดให้บริการแบบสาธารณะ“
ถึงอย่างนั้นก็ตามการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กในการยืนยันสถานภาพของแต่ละบุคคลนั้น อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ เนื่องจากโซเชียลเน็ตเวิร์กบางเว็บไซต์ไม่มีการพิสูจน์ตัวตนของผู้ใช้อย่างแท้จริง ซึ่งทำให้ สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรหันมาให้ความสำคัญกับการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ Facebook มากขึ้น และดูเหมือนว่า Facebook จะเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กรายเดียวที่เดินหน้าพัฒนาการเก็บข้อมูลของผู้ใช้ โดยให้พวกเขายืนยันตัวตนของพวกเขา
โดยเมื่อเดือนก่อน ผู้ใช้ Facebook นั้นถูก Logout จากเว็บไซต์ พร้อมได้รับข้อความให้ผู้ใช้ยืนยันตัวตนกับทางรัฐบาลก่อน จากนั้นจึงจะสามารถเข้าใช้ Facebook ต่อได้ ในขณะเดียวกันเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันก็เคยเกิดกับ Instagram โซเชียลเน็ตเวิร์กสำหรับการแชร์ภาพ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม Ross Feinstein ตัวแทน TSA ยังคงไม่พูดถึงรายชื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กที่สามารถใช้ยืนยันข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างเจาะจง เพียงแต่บอกว่า TSA ยอมรับข้อมูลจากฐานข้อมูลสาธารณะเท่านั้น ซึ่งสำหรับผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองแคนาดา หรือสหรัฐฯ การเดินทางภายในประเทศสหรัฐฯ นั้นไม่จำเป็นต้องพกพาสปอร์ต ถ้าพวกเขามี Permanent Resident Cards ถ้าไม่ ผู้โดยสารที่ไม่ใช่พลเมืองแคนาดา หรือ สหรัฐฯ จำเป็นต้องพกพาสปอร์ตในการเดินทางภายในสหรัฐฯ ทุกครั้ง
จะเห็นได้ว่าโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้นมีความสำคัญต่อการใชีชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการใช้เป็นช่องทางการสื่อสาร การหางาน การทำธุรกรรม ไปจนถึงการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กแทนเอกสารในการเดินทาง ฉะนั้นการให้้อมูลบนโซเชียลเน็ตเวิร์กจากนี้ไม่ควรใส่ข้อมูลเท็จอีกเป็นอันขาดเลยนะคะ
ภาพ : hothardware