กลายเป็นการรับผิดครั้งที่ 4 นับตั้งแต่กันยายนที่ผ่านมา สำหรับ Facebook เครือข่ายสังคมอันดับ 1 ของโลกซึ่งเพิ่งยอมรับว่าสรุปผลการดำเนินงานบริการรวมข่าว Instant Articles ผิดพลาดในทางน้อยเกินจริง แม้จะยืนยันว่าผลกระทบจากความผิดพลาดนี้เกิดขึ้นในวงแคบ แต่ทั้งหมดนี้กระตุ้นให้ผู้คนในวงการสื่อและโฆษณาตื่นตัวและลุกขึ้นมามองหาระบบวัดผลของตัวเองมากขึ้น เพื่อไม่ให้ต้องช้ำใจกับ internet metrics ที่มักผิดพลาดบ่อยครั้ง
นักการตลาดรู้ดีว่าระบบวัดผลโฆษณาบนโลกเก่านั้นใช้ไม่ได้กับธุรกิจการตลาดยุคดิจิทัลบน Facebook ดังนั้นทุกคนจึงต้องแขวนอนาคตไว้ที่ Facebook ด้วยการรอตัวเลขรายงานจาก Facebook ว่ามีการเปิดชมวิดีโอหรืออ่านบทความกี่ครั้ง ซึ่ง Facebook ว่ามาเท่าใด ก็จำเป็นต้องเชื่อตามนั้น
กระทั่ง 2 เดือนที่แล้ว Facebook ขออภัยที่ประกาศตัวเลขผิดพลาด จากนั้นก็ผิดพลาดอีก และผิดซ้ำอีก จนล่าสุดถือเป็นรอบที่ 4
ศุกร์ที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา Facebook ยอมรับว่ารายงานสถิติการใช้บริการ Instant Articles ช่วงระหว่างวันที่ 20 กันยายนถึง 30 พฤศจิกายนผิดพลาด โดยความผิดพลาดที่เกิดขึ้นถือว่าส่งผลกระทบกับเจ้าของบทความและวิดีโอน้อยกว่า 1% เมื่อเทียบกับทราฟิกของทุกคนบน Facebook
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวของ CNBC ระบุว่าผู้ได้รับผลกระทบครั้งนี้คือ 9 สื่อและเอเยนซี่ใหญ่ ซึ่งมีทั้ง The Washington Post, Mic, BuzzFeed, Wired, Entrepreneur, Foreign Policy, Inverse, PopSugar Celebrity และ Variety ความผิดพลาดเหล่านี้จุดประกายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการโฆษณาออนไลน์ ควรมองหาหน่วยงานอิสระเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพโฆษณาดิจิทัลด้วยตัวเองให้มากขึ้น
กรณีของ BuzzFeed บริษัทมีการติดตามพบว่า 15% ของ unique visitor ที่เข้ามาชม content ของบริษัทนั้นเข้ามาทาง Facebook Instant Articles บน iOS เบื้องต้นพบว่าตัวเลขที่ comScore และ Facebook รายงานสถิติการเปิดชมนั้นน้อยกว่าตัวเลขที่บริษัทติดตามเองราว 10-20% ยังมี publisher อีก 2 รายที่ไม่ระบุนาม ออกมาเปิดเผยว่าตัวเลขของ comScore (อิงจากตัวเลขที่ผิดพลาดของ Facebook) นั้นน้อยกว่าตัวเลขที่บริษัทเก็บได้ราว 30-40%
สำหรับการขออภัยที่ Facebook เคยประกาศไว้ 3 ครั้งก่อนหน้านี้ตั้งแต่กันยายนที่ผ่านมา ครั้งแรก Facebook ยอมรับผิดว่าคำนวณยอดคลิกชมวิดีโอเกินจริง ครั้งที่ 2 เป็นความผิดพลาดของเครื่องมือใหม่ที่ Facebook เปิดให้บริษัท third-party มาร่วมวัดผลด้วย เช่น ComScore และ Nielsen ที่จะสามารถติดตามทราฟิกของ Facebook ได้ใกล้ชิดกว่าเดิม
ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนธันวาคม สำนักข่าว Marketing Land พบความขัดแย้งในรายงานของ Facebook ซึ่งระบุตัวเลขการแชร์และการเปิดอ่านที่ไม่สอดคล้องกัน ครั้งนี้ Facebook ออกมายืนยันว่าระบบของบริษัทผิดพลาดจริง