เครือข่ายสังคมอันดับ 1 อย่าง Facebook กำลังถูกจับตามองอย่างมากในวงการนักการตลาดเพราะการประกาศทดสอบระบบ Auto-Filling Marketing Forms หรือระบบกรอกข้อมูลการตลาดอัตโนมัติที่จะดึงข้อมูลประวัติของผู้ใช้หรือ Profile Info มาเติมโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ งานนี้ไม่ใช่เพียงข้อมูลอย่างอีเมล ชื่อ หรือวันเกิดของตัวเอง แต่ยังมีโอกาสที่ข้อมูลเจาะลึกเช่นตำแหน่งงาน ชื่อบริษัทที่ทำงาน รวมถึงรหัสไปรษณีย์ จะถูกเติมลงในแบบฟอร์มแบบอัตโนมัติด้วย โชคดีที่ผู้ใช้มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลของตัวเองได้ก่อนที่จะคลิกส่งให้นักการตลาด
ที่ผ่านมา นักการตลาดจำนวนมากต้องสร้างระบบเพื่อดึงให้ชาวออนไลน์เข้ามาลงทะเบียนสำหรับการรับส่งข่าวสารในอนาคต (ตัวอย่างเช่นการส่งอีเมลจดหมายข่าว เป็นต้น) ดังนั้นการริเริ่มดึงข้อมูลชื่อและอีเมลแอดเดรสของผู้ใช้แบบอัตโนมัติของ Facebook จึงแปลว่านักการตลาดทั่วโลกกำลังจะมีวิธีรวบรวมข้อมูลของผู้บริโภคได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
Facebook นั้นเริ่มทดสอบระบบนี้ในโฆษณาบนอุปกรณ์พกพา ชื่อของบริการคือ “lead ads” นักการตลาดจะสามารถใช้ระบบนี้ในกรณีที่ขอให้ผู้ใช้ลงชื่อเพื่อรับอีเมลหรือโทรศัพท์สำหรับแจ้งข้อมูลของสินค้าและบริการเพิ่มเติม ซึ่งเมื่อผู้ใช้ Facebook คลิกสมัครสมาชิกหรืออ่านโฆษณาที่ผูกพ่วงกับแบบฟอร์ม Auto-Fill ระบบของ Facebook จะเป็นผู้เติมแบบฟอร์มนั้นให้อัตโนมัติโดยดึงข้อมูลจากประวัติ Facebook profile ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผู้ใช้ยินยอมเปิดเผยอยู่แล้ว เช่น ชื่อจริง อีเมล เบอร์โทรศัพท์ และรหัสไปรษณีย์
แต่ด้วยความที่รูปแบบของแบบฟอร์มที่จะสามารถกรอกข้อมูลได้อัตโนมัตินั้นมีหลากหลาย ซึ่งนักการตลาดจะสามารถเลือกรูปแบบที่เหมาะกับโฆษณาโมบายของตัวเองที่ลงไว้กับ Facebook ได้อย่างเสรี นี่เองที่ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าข้อมูลอื่นเช่นประเทศที่อยู่ ชื่อบริษัท ชื่อตำแหน่งงาน รวมถึงสถานภาพอื่นอาจจะถูกกรอกลงในแบบฟอร์มแบบอัตโนมัติได้ด้วย
จุดนี้นักการตลาดสามารถเพิ่มคำถามในแบบฟอร์มเช่นหัวข้อเรื่องที่สนใจหรือจำนวนครั้งที่ต้องการให้นักการตลาดติดต่อไป เพื่อให้ผู้ใช้มีโอกาสเลือกก่อนจะคลิกส่งได้อย่างสะดวกสบาย
Maz Sharafi ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการตลาดระบุว่า Facebook เริ่มทดสอบระบบโฆษณาใหม่นี้ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมากับนักโฆษณาหลักสิบรายทั่วโลก คาดว่าจะมีการประเมินผลเพื่อปรับปรุงสำหรับการให้บริการเต็มรูปแบบในอนาคตต่อไป
การทดสอบนี้ของ Facebook ถือเป็นการพยายามตอบโจทย์นักการตลาดที่ใส่ใจกับกลุ่มผู้คลิกชมโฆษณาเป็นพิเศษ ซึ่งจะเป็นคนละกลุ่มกับนักการตลาดที่ให้น้ำหนักกับยอดชมโฆษณาแบบผ่านตาเพื่อสร้างแบรนด์เป็นหลัก จุดนี้ข้อมูลระบุว่าปี 2014 ที่ผ่านมา นักโฆษณาที่เน้นกลยุทธ์ตอบสนองลูกค้ารายคนหรือ direct-response advertiser มีการลงโฆษณาคิดเป็นสัดส่วน 59% ของยอด 5.01 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐที่สะพัดในวงการโฆษณาดิจิทัลแดนลุงแซม (ข้อมูลจากบริษัทวิจัย eMarketer เป็นผู้ประเมิน)
ที่มา : Facebook