หลังประกาศเปิดตัวการให้บริการโฆษณาแบบ Auto-Playing Video Ads เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ล่าสุดพวกเขาได้ติดสินใจเลื่อนการให้บริการดังกล่าวไปถึงช่วงหน้าร้อนที่จะถึงนี้
จากรายงานของ Mashable ทาง Facebook จะเปิดตัวใช้งาน Auto-Playing Video Ads อย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมีนาคม หรืออาจจะช้ากว่านั้นคือเลื่อนไปถึงช่วงหน้าร้อนที่จะถึงนี้แทน เนื่องจากพวกเขาต้องการทบทวน และตรวจสอบช่องทางการโฆษณาดังกล่าว พร้อมทั้งพวกเขานั้นต้องการสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่แบรนด์ต่างๆ ในเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของนักการตลาดให้มากขึ้น เนื่องจากนักการตลาดนั้นตั้งความหวังกับ Facebook ไว้ค่อนข้างสูง
นอกจากนี้การเลื่อนการให้บริการดังกล่าวนั้นยังมีสาเหตุมาจากนักการตลาด ที่ยังไม่วางใจเรื่องประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพราะการตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายของบริการดังกล่าวนั้นยังไม่มีความละเอียดและเจาะจงมากพอ และยังมีค่าโฆษณาที่ค่อนข้างสูงอีกด้วย แม้ค่าโฆษณาจะปรับลงจาก 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 32 ล้านบาท) และ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราวๆ 80 ล้านบาท) มาเป็น 6 แสนเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 19 ล้านบาท) ต่อวัน แต่ก็ยังไม่สามารถดึงความสนใจจากนักการตลาดได้
เพราะแม้ค่าใช้จ่ายจะสูง แต่ประสิทธิภาพ ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนั้นไม่ได้สูงตามไปด้วย โดยนักการตลาดสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้เพียง 4 รูปแบบเท่านั้น ได้แก่ ชายอายุมากกว่า 35 ปี หรือ ต่ำกว่า 35 ปี หญิงอายุมากกว่า 35 ปี หรือ ต่ำกว่า 35 ปี เท่านั้น หรือนักการตลาดสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายทั้งหมดและเพิ่มงบประมาณการโฆษณาในราคา 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราวๆ 77 ล้านบาท) ทีเดียวเลยก็ได้
อย่างไรก็ตามทาง Facebook นั้นได้ยืนยันว่าวิดีโอดังกล่าวจะปรากฏอยู่บน News Feed เป็นลำดับแรกในวันที่นักการตลาดเลือก นอกจากฟังก์ชันดังกล่าวจะไม่สามารถตอบโจทย์นักการตลาดได้แล้ว ทางฝั่งผู้ใช้ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ชอบแนวคิดดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งทาง Mashable ได้รวบรวมข้อมูลจากการสอบถามผู้อ่านของพวกเขา จำนวน 1,130 ราย และได้ผลตอบรับว่า 61% ของพวกเขาไม่เห็นด้วยกับการใช้โฆษณาแบบ Auto-Playing Video Ads ซึ่งทำให้ Facebook ต้องชั่งน้ำหนักว่าการสร้างช่องทางเพิ่มรายได้ใหม่นั้น คุ้มค่ากับความเสี่ยงในการเสียผู้ใช้งานจำนวนมากหรือไม่?
ที่มา : Search Engine Journal