มาเหนือไปอีก ไม่ได้เป็นแค่สื่อสังคมออนไลน์แบบเดิม แต่ Facebook จะมีความร่วมมือในโรงเรียนการแพทย์ NYU เกี่ยวกับการวิจัยเพื่อเข้าถึงภาพแบบ Resonanace ถึง 3 ล้านภาพจากหน่วยงานต่างๆ ถึงหมื่นรายแน่นอนว่าโครงการนี้ยังไม่ชัดเจน เพราะ CNBC ได้เข้าไปเช็คโครงการดังกล่าวก็มีการแจ้งว่าถูกระงับไว้ แต่มาดูว่าส่ิงที่ Facebook วางแผนจะทำนั้น เข้าถึงธุรกิจด้านสุขภาพอย่างไรกันค่ะ
แม้ว่าจะมีประกาศใน Blog ของ Facebook ว่า “ข้อมูลด้านสุขภาพทั้งหมด” ที่ก่อนหน้านี้ Facebook ได้มานั้นจะถูกลบไปหมดแล้ว เพื่อให้เป็นไปตามกฏระเบียบความเป็นส่วนตัวของ HIPAA
ความร่วมมือกับวงการแพทย์
แม้ว่าจะเป็นความร่วมมือระหว่าง ทีม FAIR AI Research ของ Facebook และ NYU School of Medicine’s Department of Radiology โดยหวังเป็นจุดเร่ิมต้นในการเจาะเข้าไปถึงวงการแพทย์ในการใช้ความพยายามของการวิจัยด้วย AI ในเชิงการทดลองระหว่างปัญหากับโลกแห่งความเป็นจริง เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ของปัญหาเพื่อลดความกังวลในการรักษาเกี่ยวกับโรคภัยต่างๆ แม้จะมีการแชร์ข้อมูลกับ National Health Service หรือ NHS แต่ก็ถูกหน่วยงานภาครัฐของอังกฤษปัดตกไปเพราะถูกตัดสินว่าละเมิดกฏหมายความเป็นส่วนตัว
แม้ว่าการสแกน MRI จะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการให้ผู้ป่วยนอนนิ่งในท่อแคบ แต่โครงการของ Facebook นี้จะช่วยลดเวลาลงไปอีก และเน้นใช้ AI ในการเก็บข้อมูล โดยจะเน้นที่กระบวนการสแกนในสิ่งที่สำคัญเท่านั้น
“การใช้ AI จะช่วยจับภาพข้อมูลน้อยลงและสแกนได้เร็วขึ้น ในขณะเดียวกันข้อมูลการรักษาและเนื้อหาต่างๆ ก็ไม่ได้ลดลงด้วย เพราะจะช่วยเก็บโครงสร้างและมุมมองต่างๆ ได้สะดวกกว่า เพื่อให้การแสกนเป็นไปอย่างเร่งด่วน” Facebook ชี้แจงไว้ใน Blog
การทำงานรูปแบบนี้จะคล้ายกับการประมวลผลข้อมูลประสาทสัมผัส แต่การแสกนสมองมักได้ภาพที่ไม่สมบูรณ์ อาจเพราะมุมภาพไม่ชัดหรือมืดเกินไป การเอาเทคโนโลยีมาใช้งานน่าจะช่วยให้แพทย์ทำงานง่ายขึ้น
พูดกันจริงๆ ความซวยของ Facebook เกี่ยวกับกรณี Cambridge Analytica ยังคงตามหลอกหลอน ซึ่งยังเป็นเรื่องยากที่จะเรียกความมั่นใจจากหน่วยงานภาครัฐในการนำข้อมูลไปใช้ต่อยอดในเรื่องต่างๆ ก็ยังไม่น่าจะผ่านได้โดยง่าย และก็อย่างที่เกริ่นไว้ช่วงแรกคือ โครงการนี้ถูกระงับไปเรียบร้อยแล้ว
ที่มา : Business Insider