ตามไปดูรายละเอียดข้อกำหนดบริการใหม่ของ Facebook ซึ่งเพิ่มรายละเอียดวิธีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายโฆษณาแบบที่ไม่เคยมีในฉบับก่อนหน้า ขณะเดียวกันก็เพิ่มเนื้อหาใหม่เกี่ยวกับสิทธิของผู้ใช้ในเนื้อหาที่อัปโหลด ซึ่งทุกคนจะสามารถทราบได้ว่าเมื่อใดที่สามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งแบนที่ได้รับด้วย
จากข้อกำหนดในการให้บริการ (terms of service) ชุดใหม่ล่าสุด พบว่า Facebook ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 3 ส่วนหลักคือการลบเนื้อหา การกำหนดเป้าหมายโฆษณา และสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ใช้ แต่ไม่มีการระบุถึงการเปลี่ยนแปลงในการใช้งานแพลตฟอร์ม Facebook สะท้อนว่า Facebook ตั้งใจให้ผู้ใช้เห็นภาพที่ชัดเจนของแพลตฟอร์ม ก่อนที่ข้อกำหนดใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้
ภาษาที่อัปเดตส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรป เบื้องต้นโฆษก Facebook ให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่าง The Verge ว่าการอัปเดตหลายครั้งเป็นผลมาจากการทำงานของ Facebook กับเครือข่ายความร่วมมือเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในยุโรป (European Consumer Protection Cooperation Network) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมาธิการยุโรปหรือ European Commission ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน Facebook และหน่วยงานของยุโรปได้ประกาศข้อตกลงเรื่องการแก้ไขข้อกำหนด Facebook ต่อสาธารณชนภายในเดือนมิถุนายน 2019
อัปเดทตามหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค
ตัวแทน Facebook ระบุว่าการอัปเดทหลายส่วนอ้างอิงจากการประสานงานอย่างต่อเนื่องกับหน่วยงานกำกับดูแล, ผู้กำหนดนโยบาย และผู้เชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองผู้บริโภคทั่วโลก ส่วนที่ปรับคือข้อกำหนดการให้บริการที่มีเนื้อหาละเมิดมาตรฐานของ Facebook หลายจุดในช่วงก่อนหน้านี้ จุดที่น่าสนใจที่สุดคือการแก้ไขคำว่า “การลบ” หรือ “removing” content มาเป็น “removing or restricting access to” content ซึ่งเป็นการเพิ่มคำให้การลบครอบคลุมการจำกัดการเข้าถึงด้วย
การเปลี่ยนคำนี้หลายสิบแห่งในเงื่อนไข ถูกสันนิษฐานว่าเป็นการเตรียมเพื่อรับกับการโฟกัสใหม่ของ Facebook ในการจำกัดการเข้าถึง
ส่วนที่ถูกขยายเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่งคือการอธิบายถึงวิธีการอุทธรณ์ เพื่อให้ Facebook พิจารณาทบทวนกระบวนการอีกครั้งหาก Facebook ออกคำสั่งจำกัดการเข้าถึงไป ในเงื่อนไขระบุว่าหาก Facebook ลบเนื้อหาที่ละเมิดมาตรฐานชุมชน Community Standards ทาง Facebook จะแจ้งให้ทราบและอธิบายทางเลือกที่ผู้ใช้สามารถขอให้มีการตรวจสอบอีกครั้ง เว้นแต่ว่าผู้ใช้รายนั้นละเมิดข้อตกลงเหล่านี้อย่างจริงจัง หรือผิดซ้ำบ่อยครั้ง Facebook จะไม่รับอุทธรณ์และจะดำเนินการตามกฏหมาย
ส่วนยกเว้นนี้รวมการทำสิ่งผิดกฎหมาย, การเป็นอันตรายต่อชุมชนผู้ใช้ของ Facebook, การประนีประนอมหรือแทรกแซงความสมบูรณ์ของการบริการระบบและผลิตภัณฑ์ของ Facebook ซึ่งอาจมีส่วนทำให้ Facebook ละเมิดกฎหมายที่ Facebook ต้องยึดมั่นในการให้บริการ
เงื่อนไขใหม่เหล่านี้ของ Facebook ถูกมองว่าค่อนข้างซับซ้อน แต่ก็อธิบายเงื่อนไขที่ทับซ้อนกันว่าเมื่อใดที่ผู้ใช้ซึ่งถูกแบนเนื้อหาจะสามารถอุทธรณ์ได้ ที่ผ่านมา Facebook มักถูกสั่งไม่ให้เปิดเผยข้อมูลมากนักเรื่องการอุทธรณ์เพื่อป้องกันความผิดทางอาญา จุดนี้จึงมักเป็นปัญหาสีเทาเมื่อเนื้อหาบางส่วนถูกลบออกไปจาก Facebook
ข้อกำหนดใหม่นี้ยังช่วยให้ความชัดเจนว่า ผู้ใช้ยังคงเป็นเจ้าของรูปภาพและเนื้อหาอื่นที่อัปโหลดขึ้น Facebook โดย Facebook ขออ้างสิทธิ์เฉพาะการแสดงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับบริการของตัวเอง ซึ่งทำให้ Facebook มีสิทธิ์ที่จะล้างเนื้อหาหากบัญชีผู้ใช้ถูกลบไป
กำหนดเป้าหมายโฆษณาเคลียร์มากขึ้น
ข้อกำหนดใหม่ของ Facebook ยังระบุรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่ Facebook จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการกำหนดเป้าหมายโฆษณา ซึ่งตอกย้ำว่า Facebook จะไม่ขายข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ แต่จะเปิดให้ผู้โฆษณาบอกเป้าหมายธุรกิจ เพื่อให้ Facebook แสดงโฆษณาต่อผู้ชมที่อาจจะสนใจ
“เราไม่ขายข้อมูลส่วนตัวของคุณ เราให้ผู้ลงโฆษณาบอกเราเกี่ยวกับเป้าหมายทางธุรกิจและประเภทของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้เห็นโฆษณาของตน (เช่น ผู้คนที่มีอายุระหว่าง 18-35 ปีที่ชอบปั่นจักรยาน) จากนั้น เราจึงแสดงโฆษณาของผู้ลงโฆษณาให้ผู้คนที่อาจสนใจ” เนื้อหาในเงื่อนไขใหม่ระบุ
สำหรับรายงานที่ Facebook จะโชว์ประสิทธิภาพการทำงานของโฆษณาให้กับผู้ลงโฆษณา Facebook ระบุว่าจะให้ข้อมูลทางประชากรศาสตร์หรือข้อมูลความสนใจโดยทั่วไปแก่ผู้ลงโฆษณา เช่น โฆษณาถูกเห็นโดยผู้หญิงอายุระหว่าง 25 ถึง 34 ปีที่อาศัยอยู่ในมาดริด และชื่นชอบเรื่องวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เพื่อช่วยให้ผู้ลงโฆษณาเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของตนได้ดียิ่งขึ้น โดยจะไม่แชร์ข้อมูลที่ระบุถึงตัวผู้ใช้โดยตรง เช่นข้อมูลต่างๆ เช่น ชื่อหรืออีเมลที่สามารถใช้ติดต่อหรือระบุตัวตนได้
“เว้นแต่ว่าคุณจะให้สิทธิ์การอนุญาตเป็นการเฉพาะกับเรา” นะจ๊ะ
ที่มา: : The Verge