เวลานักการตลาดเลือก Media สำหรับโปรโมทแคมเปญ สิ่งที่ดูแรกๆ คงหนีไม่พ้นยอด Follower เช่น ต้องหลักสามแสนขึ้นไปนะ หรือหลักล้านถึงจะดี คนติดตามเยอะแสดงว่ายอดก็ต้องเยอะตาม ซึ่งแนวคิดนี้อาจไม่ถูกเสมอไปโดยเฉพาะเพจของ Influencer
เพราะ Influencer มีคนติดตามเยอะก็จริงแต่ยอด Organic มักไม่ได้สูงเสมอไป เนื่องจากเป็นเพจที่เป็นบุคคลต่างจากเพจที่เป็น Publisher ที่ยอดจะค่อนข้างแปรผันตรงกับออแกนิค วันนี้เราเลยอยากแนะนำว่าทำไมต้องให้ความสำคัญกับยอด Organic Reach มากกว่ายอด Follower
ไม่ใช่ทุกคนที่ติดตาม ถึงจะเห็นโพสต์
อธิบายง่ายๆ คือยอด Follower 1 ล้านคนนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะมีคนเห็นโพสต์นี้หนึ่งล้านคนแน่ๆ หรือจะมีคนเห็นเยอะ เนื่องจาก เพจบน Facebook ให้ความสำคัญเรื่องความสม่ำเสมอและความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของเพจและลูกเพจ หากเพจไม่ได้อัพเดตอะไรมากนัก ต่อให้ยอดติดตามเยอะ ยอดการรับรู้แบบ Organic ก็ไม่ได้ดีไปด้วย
ซึ่งถ้ายอดปกติไม่ดี เพจจะถูกลดการมองเห็นลง เช่นยอดผู้ติดตาม 1 ล้านคน คนเห็นอาจจะแค่ 50,000 คน แต่เรทการ์ดที่เราดูจะคิดราคาจากยอดผู้ติดตาม 1 ล้านคน แสดงว่าเงินที่เราเสียไปไม่ตรงกับความต้องการที่เราจะได้รับจริงๆ ฉะนั้นตอนขอเรทการ์ดจากเพจต่างๆ ต้องดูยอด Organic ของเพจมาด้วย
Follower เยอะไม่ได้หมายถึง Reach เยอะ
จากที่กล่าวไปในข้อแรก แสดงว่ายอด Follower เยอะไม่ได้หมายความว่า Reach จะเยอะตาม ดังนั้นจึงต้องโฟกัสที่ Organic Page เป็นอันดับเเรกๆ ซึ่งวิธีคิดถ้าดูง่ายๆ ก็มองเป็นตัวเลขกลมๆ ผ่าน stat หลังบ้านได้เลย หรือถ้าจะคิดเป็นเลขจริง ให้ export ข้อมูลหลังบ้านออกมา
แต่แนะนำว่าให้ดู Organic Reach ตามประเภทคอนเทนต์ เช่น Post Photo, Photo Album, Video เพราะคอนเทนต์แต่ละแบบจะมีการมองเห็นที่ไม่เหมือนกัน เช่นช่วงนี้ Video จะได้รับการมองเห็นมากกว่าคอนเทนต์ประเภทอื่นๆ ซึ่งเรทการ์ดแต่ละแบบก็จะไม่เท่ากันด้วย
ต้องนำ Reach มาวัดความ Effective
เหตุผลหลักที่นักการตลาดต้องดูที่ยอด Organic (กรณีไม่บูสต์โพสต์) เพราะต้องมาคิดว่าเงินที่เสียไปคุ้มค่ากับยอดที่กลับมาหรือไม่ และยอดที่กลับมาได้เป็นยอดขายจริงๆ หรือเปล่าหรือแค่เกิดการรับรู้ แล้วยังมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นยอดขายจริงๆ หรือไม่
เพราะยอด Reach ใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการวัด และไม่ได้หมายความว่าผู้ติดตามเกิดการรับรู้แบรนด์แล้วจริงๆ ซึ่งข้อมูลตรงนี้ก็สำคัญในการทำโฆษณาครั้งถัดไป ถ้าโปรโมทโดยไม่วัดผลอะไรเลย ดูแค่ยอดสแตท บางทีเราอาจจะเสียเงินไปเยอะๆ โดยไม่ได้อะไรกลับมาเช่นกัน
ดังนั้น การโฆษณาบนโลกออนไลน์ถึงแม้จะเริ่มมี Influencer เยอะขึ้น แต่ราคากลับไม่ได้ลดลงเลย แต่ยิ่งสูงขึ้นๆ ฉะนั้น นักการตลาดจึงต้องมองถึงผลที่จะได้รับกลับมา ไม่ใช่แค่คนนี้ดังแล้วโปรโมทเลย เพราะความดังก็ต้องคิดต่ออีกว่า ดังในกลุ่มไหนใช่กลุ่มเป้าหมายเราจริงๆ มั้ย เพราะตอนนี้เงินสำหรับทำแต่ละแคมเปญก็ลดน้อยลง แต่ความคาดหวังสูงขึ้น เราจึงต้องยิ่งระวังในการโปรโมทให้ได้มากที่สุด