ในเดือนที่ผ่านมาบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกประกาศแบนการลงโฆษณากับเฟซบุ๊ก (Facebook) เพื่อประท้วงแพลตฟอร์มถึงปัญหาการจัดการและควบคุมเนื้อหาที่แสดงความเกลียดชังในชื่อแคมเปญ #StopHateForProfit แต่ดูเหมือนว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลกยังไม่ได้รับผลกระทบ
เพราะล่าสุด Facebook ได้ออกมาเปิดเผยผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 (เมษายนถึงมิถุนายนของสหรัฐฯ) สร้างรายได้ทั้งหมด18,687 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5.83 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกับของปีที่แล้ว และมีกำไรสุทธิ 5,178 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 98%
สำหรับจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน (MAUs) เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แตะระดับ 2.7 พันล้านคน จากจำนวน 2.6 พันล้านคนในไตรมาสแรก
“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดหาเครื่องมือที่จำเป็นให้กับธุรกิจขนาดเล็กในการเติบโตและประสบความสำเร็จในช่วงเวลาที่ยากลำบาก” มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook กล่าว
“และเราภูมิใจที่ผู้คนสามารถพึ่งพาบริการของเราและเชื่อมต่อสื่อสารถึงกันได้ในช่วงเวลาที่ไม่สามารถเจอกันแบบตัวต่อตัวได้ (โควิด-19)”
การคว่ำบาตรของแบรนด์ต่างๆ ส่งผลให้หุ้นของเฟซบุ๊กลดลงในช่วงแรก แต่ผลการดำเนินการได้สะท้อนถึงออกมาว่าธุรกิจของเฟซบุ๊กไม่ได้สั่นคลอน นักเคราะห์คาดว่า รายได้โฆษณาจากแบรนด์ใหญ่ 100 อันดับแรกคิดเป็นเพียง 6% ของรายโฆษณาทั้งหมดของเฟซบุ๊ก