หลังถูก Snapchat ปฏิสเธข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการของ Facebook ด้วยจำนวนเงินหลักพันล้านเหรียญสหรัฐฯ และได้ตัดสินใจยกเลิกการให้บริการแอปพลิเคชันคู่แข่งอย่าง Poke แต่ล่าสุดดูเหมือนว่า Facebook จะมีแผนใหม่ในการเข้าชิงส่วนแบ่งการตลาดกลุ่มแอปพลิเคชันแบบ Ephemeral photo and video messaging app อีกครั้งจากรายงานของ Financial Times
โดยแอปพลิเคชันดังกล่าวของทาง Facebook นั้นจะใช้ชื่อว่า “Slingshot” ซึ่งจะเป็นแอปพลิเคชันแบบ Standalone app เข่นเดียวกันกับ Facebook Messenger จากรายงานของ Financial Times แอปพลิเคชันน้องใหม่ Slingshot นั้นแม้จะเป็นแอปพลิเคชันที่แสดงเนื้อหาระยะสั้นเช่นเดียวกับ Snapchat แต่ว่าแอปพลิเคชันดังกล่าวนั้นจะมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างออกไปคือ ผู้ใช้งานจะสามารถกดที่ชื่อของเพื่อนๆ ค้างไว้ เพื่อส่งภาพ หรือคลิปวิดีโอสั้นๆ เพื่อให้พวกเขารับชมได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้นซึ่งอาจจะคล้ายคลึงกันกับแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า TapTalk
โดย Poke แอปพลิเคชันคู่แข่ง Snapchat ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปลายปี 2012 หลังใช้เวลาในการพัฒนาเพียง 12 วันเท่านั้น ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าวจะสามารถส่งข้อความหาผู้ใช้งานคนอื่นๆ และเนื้อหานั้นๆ จะคงอยู่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น โดยไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ Poke ได้ถูกยกเลิกการให้บริการไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ทำให้ Slingshot นั้นกลายเป็นความพยายามใหม่ของ Facebook ในการเข้าชิงส่วนแบ่งตลาดแอพลิเคชันประเภท Ephemeral photo and video messaging app และจะเป็นการเสริมความแกร่งให้แก่กองทัพแอปพลิเคชันประเภทแชทที่อยู่ในเครือของ Facebook อื่นๆ อย่างเช่น WhatsApp เป็นต้น
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Facebook ต้องการส่วนแบ่งการตลาดจากแอปพลิเคชันลักษณะดังกล่าว เพราะจากข้อมูลล่าสุด Snapchat นั้นกลายเป็นแอปพลิเคชันประเภทแชทที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่สามจากปริมาณการใช้งาน ในอเมริกาเหนือ ซึ่งมากกว่า WhatsApp เสียอีก นอกจากนี้ Snapchat ยังกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศแถบยุโรป
อนึ่งนอกความเคลื่อนไหวของ Facebook แล้วก่อนหน้านี้ทาง Snapchat ยังได้เพิ่มบริการการส่งข้อความและการสนทนาผ่านวิดีโอให้ผู้ใช้งานของพวกเขา แต่ก็ยังคงคอนเซปต์การเป็นแอปพลิเคชันที่ลบข้อมูลต่างๆ โดยข้อความ ภาพและวิดีโอต่างๆ จะถูกลบทิ้งในทันทีเมื่อปิดแอปพลิเคชันดังกล่าว อย่างไรก็ตามทาง Facebook นั้นยังไม่ได้ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องแอปพลิเคชันใหม่แต่อย่างใด
ที่มา : The Next Web