เป้าหมายของการจัดทำ News Feed ก็คือการแสดงเนื้อหาถูกที่ถูกเวลา (right content at the right time) เพื่อคนใช้ Facebook จะได้ไม่พลาดเรื่องราวที่สำคัญกับตัวเอง โดยทางทีมงานพบว่าเนื้อหาที่มาจากเพื่อนหรือเพจที่เราเคยไป Like เอาไว้ จะดูน่าสนใจก็ต่อเมื่อโพสต์มาในช่วงจังหวะที่ถูกต้องเท่านั้น เช่น คุณกับเพื่อนกำลังดูการถ่ายทอดสดกีฬานัดเดียวกัน พร้อมๆ กัน หรืออาจจะกำลังดูทอล์คโชว์เดียวกันอยู่ เราก็มักจะแชร์ขึ้น Facebook ซึ่งถ้าเราต่างคนต่างได้ดูไปพร้อมๆ กันบน Facebook ณ เวลานั้นก็คงดี แต่ประเด็นคือ เรามักจะมาเจอเนื้อหาพวกนี้เวลาผ่านไปแล้ว 1-2 วัน ซึ่งตอนนั้นมันก็ไม่น่าสนใจเท่าไหร่แล้ว
ล่าสุด ทาง Facebook เลยออกอัปเดตระบบ News Feed โดยให้ค่ากับปัจจัยดังต่อไปนี้
เรื่องราวที่กำลัง Hot กำลังอยู่ใน trending topics
เรื่องอะไรก็ตามที่กำลัง อยู่ในกระแส ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนั้น คุณก็จะได้รู้เลยว่าเพื่อนคุณหรือเพจที่คุณเคยไป Like เอาไว้จะพูดถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไร เพราะ News Feed จะหยิบเอาเรื่องนี้ขึ้นมาโชว์เด่นเป็นตระหง่านบน News Feed เบื้องต้นทางทีมงานได้ทดลองกับกลุ่มผู้ใช้เล็กๆ แล้วพบว่ามีคน engage กับเรื่องราวนั้นๆ เพิ่มราว 6% (คำว่า engage มากขึ้นคือมีคนเข้ามา share, comment, like หรือ click เรื่องราวนั้นๆ มากขึ้น)
เฝ้ามองดูคนที่ like หรือ comment ให้ดี
ณ ปัจจุบัน เวลา Facebook จะตัดสินว่าเรื่องราวหรือเนื้อหานั้นๆ ควรจะปรากฏบน News Feed มากน้อยแค่ไหน เขาจะนับดูว่าจำนวน Like โดยรวมมีเท่าไหร่ แต่หลังจากมีการอัปเดตระบบคราวนี้ ระบบ News Feed จะดูด้วยว่าเมื่อไหร่ เวลาไหนที่คนจะมา like, comment, share โพสต์ของเรา
ถ้าคนที่มา engage (like, comment, share) บนเรื่องที่เราเพิ่งโพสต์ไปทันทีหลังจากที่เราโพสต์ แต่หลังจากผ่านมา 1-2 ชั่วโมงแล้วไม่มีใคร like, comment, share อะไรต่อเลย ก็บอกได้ว่าเนื้อหาหรือเรื่องราวนั้นถูก Facebook มองว่าน่าสนใจเฉพาะช่วงเวลานั้นๆ แต่มีแนวโน้มจะไม่น่าสนใจในช่วงเวลาต่อมา นี่คือตรรกะที่ต่อไป Facebook จะใช้พิจารณาว่าเนื้อหาหรือเรื่องราวของเราจะอยู่สูงหรือต่ำแค่ไหนใน News Feed ของเรา รวมถึงข่าวที่โพสต์ไปแล้วเด้งกลับขึ้นมาด้วย story bumping ด้วยนะครับ
แล้วมันจะส่งผลอะไรกับ Page ของเราบ้างไหม?
ทาง Facebook จะค่อยๆ เปิดตัวระบบนี้ทีละเล็กทีละน้อย จึงไม่กระทบมากนัก ถ้า Page นั้นๆ โพสต์เกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ในกระแส และได้ engagement เยอะๆ ก็ให้ทราบว่าจากนั้นมันจะค่อยๆ ลดลงโดยธรรมชาติ ดังนั้น Facebook จึงแนะนำให้เจ้าของ Page ต่างๆ พยายามสร้างเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมที่เกี่ยวข้องและตรงใจกับกลุ่มผู้ชมของตัวเองให้มากที่สุด
เราเรียนรู้อะไรจากข่าวนี้? ทุกๆ คนคงเห็นได้ว่าผู้ให้บริการออนไลน์ต่างก็พยายามเข็นเอาอัลกอริธึ่มส์ใหม่ๆ ออกมาเพื่อทำให้คนได้เห็นเนื้อหาที่ดี ถูกต้องตรงใจกับตัวเองมากที่สุด ไม่ว่า Facebook จะปรับ News Feed กี่รอบ ไม่ว่า Google จะปรับเปลี่ยนอัลกอริธึ่มส์มากี่รอบ แต่ท้ายสุดมันก็ไม่หนีไปจากการพยายามสร้างเนื้อหาให้ดีและถูกต้องตรงใจกับผู้ใช้บริการนั่นเอง สิ่งสำคัญที่เราน่าคิดก่อนที่จะผลิตเนื้อหาให้ได้ก็คือ กลุ่มผู้ชมของเราคือใคร และเนื้อหาแบบไหนที่เราควรจะผลิต
แล้วคุณล่ะ คิดอย่างไรกับเรื่องนี้?