Facebook ประกาศเน้นให้คะแนนวิดีโอที่สร้างขึ้นเองด้วยตนเองจริงๆ มากขึ้นและมีผลต่อการแสดงผลบนนิวส์ฟีด (News Feed) กันอีกรอบ ส่งผลให้เหล่าผู้ผลิต (Creators) วิดีโอต้องปรับตัวกันอีกสักเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้เราเห็นว่าเฟสบุ๊ก (Facebook) เริ่มให้ความสำคัญ Facebook Watch มากขึ้น โดยเริ่มมีการหา Partner ให้มาลงคอนเทนต์, ควิซโชว์อย่าง Confetti หรือแม้เปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลวิดีโอให้อยู่บน Watch มากขึ้น เป็นต้น
ประกอบกับเมื่อมีผู้เข้ามาป้อนเนื้อหาลงแพลตฟอร์มมากขึ้น โดยเฉพาะคอนเทนต์อย่างวิดีโอ ทำให้เฟสบุ๊กปรับเกณฑ์การให้คะแนนกับวิดีโอแต่ละตัวโดยให้จากการดู 3 ปัจจัยหลัก คือ
- ความภักดีและซื่อตรง (Loyalty and intent) : ให้คะแนนกับวิดีโอที่มีคนกลับเข้ามาดูบ่อยๆ ยิ่งมาดูบ่อย ยิ่งได้คะแนนตรงนี้มากขึ้น
- ความยาววิดีโอและระยะเวลาที่ผู้ชมดูวิดีโอ (Video and viewing duration) : ให้คะแนนกับวิดีโอดึงดูดให้คนอยู่ดูได้นานมากขึ้น โดยวิดีโอที่มีความยาวมากกว่า 3 นาทีก็ได้คะแนนและมีโอกาสขึ้นบนฟีดมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้เฟสบุ๊กเคยแนะนำว่าวิดีโอควรมีความยาวมากกว่า 1 นาที
- ความเป็นเจ้าของดั้งเดิม (Originality) : จริงจังกับการเผยแพร่วิดีโอที่ไม่ได้เผยแพร่โดยผู้ผลิตเองมากขึ้น โดยหากตรวจพบจะไม่ให้แสดงบนระบบและไม่ให้นำวิดีโอดังกล่าวมาสร้างรายได้ผ่านโฆษณา (monetization) ได้
แน่นอนว่าการเปลี่ยนการให้คะแนนครั้งนี้มีผลต่อการแสดงผลวิดีโอบนนิวส์ฟีด (News Feed), บนแพลตฟอร์มที่เน้นแสดงวิดีโออย่าง Facebook Watch และบนส่วนของ ‘More Videos’ (แนะนำวิดีโอที่น่าดูต่อ) ใน Facebook Watch
เห็นได้ชัดว่า Facebook พยายามเน้นย้ำว่า Pages ต้องสร้าง Original content เพื่อให้ผู้คนกลับมาดูวิดีโอจากเพจเรา และหวังให้เพจต่างๆ กลับมาสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกมากขึ้น
แถลงการณ์จากเฟสบุ๊ก: แม้ว่าจะมีปัจจัยหลายอย่างที่กำหนดการแสดงผลวิดีโอบนเฟสบุ๊ก แต่การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเป็นประโยชน์การเผยแพร่วิดีโอต่อเพจที่สร้าง Original content ให้คนเข้ามาดูและกลับมาดูซ้ำอีก
นอกจากนี้เฟสบุ๊กระบุว่า กลยุทธ์หลังจากนี้ บริษัทจะพัฒนาระบบเพื่อให้คะแนนกับวิดีโอที่สร้างจากผู้ผลิตวิดีโอจริงๆ ให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกในอนาคต
ที่มา : SEJ, Business Insider และ Facebook
ในระยะยาวมีประโยชน์ต่อผู้ลงโฆษณา
thumbsup มองว่าการเปลี่ยนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า เฟซบุ๊กพยายามให้ความสำคัญต่อเนื้อหาอย่างวิดีโอมากขึ้น โดยพยายามทำให้มีวิดีโอที่คุณภาพเข้ามาในระบบมากขึ้น หวังจะช่วยดันแพลตฟอร์มวิดีโอของตัวเองอย่าง Facebook Watch ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีการโฆษณาแบบสั้นๆ บ้างแล้ว
แน่นอนว่าหากคุณภาพของวิดีโอขึ้น ก็ย่อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวเพจและแบรนด์นั้นๆ ส่งผลดีต่อผู้ลงโฆษณา (Advertiser) ด้วย เพราะช่วยให้ตัดสินใจยิ่งเข้ากลุ่มเป้าหมายที่ชมวิดีโอที่มีคุณภาพได้แม่นยำมากขึ้น
หลังจากนี้เราคาดว่า เพจใดที่ reupload คลิป หรือเผยแพร่คลิปไวรัล (viral) ต่ออีกทอด (ทั้งเอามาลงโดยตรงและมาตัดเพื่อใส่เครดิต) อาจจะต้องเหนื่อยขึ้นไม่มากก็น้อย